ปัจจัยความแรงของปืนแบบแก๊ส
ปืนที่ใช้ Gas เป็นแรงขับนั้น จะทำงานโดยเมื่อมีการเหนี่ยวไกปืน นกสับจะไปกระแทกกลไกที่ต่อไปยังเข็มแทงชนวน แต่แทนที่เข็มแทงชนวนจะไปกระทบกับแก๊บในกระสุนปืนอย่างปืนจริง เจ้าเข็มแทงชนวนนี้ (เข็มแทงชนวนนี้ จะอยู่คนละตำแหน่งกับปืนจริงครับ:Webmaster) จะไปกระแทกกับวาล์วแก๊ส ซึ่งปืนสั้นโดยส่วนมาก วาล์วนี้จะอยู่ที่แม๊กกาซีนปืน (จะมีบ้างที่ซ่อนอยู่ในด้ามปืน) จากนั้นแก๊สส่วนหนึ่งจะดันลูกออกมา ในขณะที่แก๊สที่เหลือ จะไปดันลำเลือนเพื่อ Load กระสุนใหม่ (Semi-Auto Blowback) ทีนี้ปัจจัยของความแรงหลักๆ จึงจะอยู่ที่ ...
1. แรงดันของแก๊ส
แรง ดันของแก๊สนั้น เราคงจะทราบกันดีอยู่ว่า ถ้าแรงดันมีมากก็จะสามารถสร้างแรงต้นให้กับลูกกระสุนของเราได้เป็นอย่างดี ตามหลักฟิสิกส์ (Thermodynamic) เราทราบกันดีอยู่แล้วว่า ที่อุณหภูมิเท่ากัน ยิ่งแก๊สที่มีจุดเดือดต่ำเท่าไหร่ ก็จะสามารถสร้างแรงดันได้มากเท่านั้น ดังจะเห็นได้จากแก๊สที่มีขายประเภทต่างๆ ยิ่งแก๊สแรงเท่าไหร่ จุดเดือดจะต่ำตามไปด้วยทีนี้ถ้ายิ่งแก๊สที่มีจุดเดือดต่ำเท่าไหร่ ก็ยิ่งจะมีราคาแพงเท่านั้น นึกถึงแก๊สโมออกมั๊ยครับ ที่เรามักเรียกกันว่ากระป๋องลายพรางน่ะ (กระป๋องสีขาว ยาวๆ มีลายพรางรอบๆ) ที่เห็นว่ากระบอกยาวๆนั่นน่ะ ที่จริงไม่ได้มีแก๊สเยอะกว่าแบบอื่นนะครับ แต่ที่จุดเดือดของเค้า ปริมาตรที่จะถูกบรรจุอยู่ได้จะต้องมีมากกว่ากระป๋องปกติ น้ำหนักถึงจะพอดี ถ้าใช้กระป๋องเล็กกว่านี้ แต่คงน้ำหนักแก๊สไว้ จะทำให้กระป๋องมีแรงดันสูงมาก โอกาสที่กระป๋องจะระเบิดได้ง่ายก็สูงขึ้น เป็นอันว่า แก๊สแรงเท่านั้น จะยิงได้แรงกว่าเท่านั้นหรือ คำตอบก็คือ "ไม่จำเป็นครับ" ตามหลักฟิสิกส์ ถ้าเรามีแก๊สชนิดเดียวกัน เราจะสามารถเพิ่มแรงดันได้ 2 วิธีครับ
วิธีแรก ลดอุณหภูมิของถังเก็บแก๊ส เพื่อเพิ่มปริมาณ หรือเพิ่มน้ำหนักของแก๊สในถังเก็บเราอาจจะแช่ Magazine ของเราเอาไว้ในตู้เย็น ไว้ในช่องที่เย็นจัดก่อนที่จะเติมแก๊ส (ถ้าไม่กลัวปืนพัง จะเอาไปแช่ช่องแข็งก็ได้) เวลาจะเอามายิง ก็ทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้องสักพักและคอยเช็ดไอน้ำออกก่อนบรรจุลูก และทำการยิง เท่านี้ก็ได้ความแรงเพิ่มขึ้นแล้ว หรือเราจะใช้วิธีแช่กระป๋องแก๊สของเราเอาไว้ด้วยก็ได้แก๊สเราจะได้อยู่ใน สถานะของเหลว แต่ผมไม่แนะนำครับที่จะเอากระป๋องแก๊สไปแช่นานๆ โดยเฉพาะแช่ช่องแข็ง เพราะถ้าแก๊สเป็นของเหลวมากๆ แล้วย้ายไปอยู่ในถังแก๊สที่ Magazine ของเรา เวลามันขยายตัว เราจะควบคุมไม่ได้ อย่างดีก็วาล์วทะลุ อย่างซวยก็ถังเก็บระเบิด มือไม้แหกกันพอดีครับ วันหลัง ผมจะมาสาธยายเรื่อง Gas ให้ฟักกันอีกทีดีกว่า
วิธี ที่สอง การควบคุมอุณหภูมิขณะทำการยิง เคยสังเกตุกันบ้างมั๊ยครับว่า เวลายิงต่อเนื่องแล้ว อยู่ๆ แก๊สจะเบาลงอย่างกระทันหัน บางที่ก็ฟู่ออกมา ที่เป็นอย่างงั้นก็เพราะว่า ในระหว่างที่แก๊ส และวาล์วทำงานอยู่นั้น แก๊สบางส่วนที่เล็ดลอดออกมา หรือออกมาเพื่อทำการ Blowback จะทำให้อุณหภูมิของถังเก็บเย็นลง แก๊สจะลดแรงดันลง หรืออาจจะกลายเป็นของเหลว ทำให้ปืนเรายิงได้เบาลง ดังนั้น เพื่อเป็นการรักษาความแรง และถนอมปืนของเรา เราไม่ควรจะยิ่งต่อเนื่องครับ (หรือที่เรียกกันว่า ยิง Solo) ให้ใช้การยิงเป็นชุด ชุดละ 2-3 นัด จะดีกว่าครับ
วิธีที่สาม เพิ่มอุณหภูมิของถังเก็บแก๊ส วิธีนี้จะใช้หลักการเดียวกับวิธีที่ 1 แต่เป็นวิธีการตรงกันข้าม คือภายหลังจากการเติมแก๊ส หรือก่อนใช้งาน-ยิง ให้ทำการเพิ่มอุณหภูมิของแม๊ก โดยใช้ไฟลนส่วนที่เป็นถังเก็บโลหะ หรือสามารถนำไปตากแดด เพื่อเพิ่มอุณหภูมิ และทำให้ของเหลวกลายเป็นไอ เพิ่มแรงดันไปโดยปริยาย วิธีนี้ จะเป็นวิธีที่นิยมที่สุดครับ เพราะง่าย และสะดวก
2. ปริมาณของแก๊สที่ผ่านวาล์วออกมา
วาล์วที่ถังแก๊สนั้น จะเป็นตัวที่ใช้ควบคุมปริมาณของแก๊สที่จะใช้ขับกระสุนออกมา แต่ไม่ใช่ว่าวาล์วที่ปล่อยแก๊สออกมาเยอะ จะทำให้ปืนแรงนะครับ อัตราการไหลของแก๊สที่จะผ่านวาล์วออกมา (Valve Flow Rate) จะต้องสัมพันธ์กับปัจจัยอื่นๆของปืนด้วย เช่น สปริงรีคอล์ย ขนาดความจุของถังแก๊ส ชนิดของแก๊ส อันนี้ต้องขอบอกเป็นส่วนตัวว่า ปืนตระกูล SV ของค่าย Western Arms นั้น ทำออกมาได้ดีมากๆครับ ดังนั้นไม่ใช่ว่าปืนแก๊สทุกกระบอกจะทำได้นะครับ ต้องศึกษาจากคู่มือ และสอบถามจากบริษัทผู้ผลิตเอาครับ (ยกเว้นแต่ว่า ที่บ้านจะมีโรงกลึง และโรงทำ O-Ring เอง จะได้ทำวาล์วใช้เอง หุ หุ)
3. น้ำหนักของกระสุน
หลาย ท่านอาจจะทราบแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายท่านที่ยังไม่ทราบว่า น้ำหนักกระสุนก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับความแรงด้วย น้ำหนักกระสุนสำหรับปืนสั้นที่ใช้กันโดยทั่วไป จะมี 0.14g, 0.2g, 0.25g, และ 0.3g ครับ เจ้า 0.14g เนี่ยบ้านเราจะไม่ค่อยได้เห็น เพราะใช้กับปืนพวก Mini เราจะใช้ 0.2g กันมากกว่า ซึ่งเท่าที่ผมเห็น โดยมากจะมีจำหน่ายกันอยู่ที่ 0.2g กับ 0.25g และ 0.2g ก็จะขายได้ดีกว่า และนิยมใช้กว่าเพราะถ้าเทียบกันตามจำนวนกระสุน ต่อราคาแล้วล่ะก็ 0.2g จะถูกกว่า แต่ถ้าอยากให้ปืนแรงขึ้น ขอแนะนำให้ใช้กระสุนที่มีน้ำหนักมากขึ้นครับ เนื่องจากแรงดันของแก๊ส ที่ทำต่อน้ำหนักของลูกกระสุนนั้น จะทำให้กระสุนมีแรงส่ง สูงกว่ากระสุนที่น้ำหนักเบา ตรงนี้เมืองนอกเค้าใช้หน่วยวัดเป็น "จูลล์" หรือ Jules ครับ แต่การใช้กระสุนที่มีน้ำหนักเพิ่มขึ้น จะมีปัญหาทำให้ระยะทางของกระสุนสั้นลง อาจลดลงถึง 10 เมตรเลยทีเดียวครับ
4. Hop-up
ปืน ที่มี Hopup เปรียบแล้วก็เหมือนกับปืนจริงที่มีการตีเกลียวในลำกล้อง Hopup ทั้งที่ปรับได้ และปรับไม่ได้ จะช่วยทำให้กระสุนเกิดการหมุนตัวระหว่างเดินทางไปในอากาศ ทำให้กระสุนเดินทางได้ไกลขึ้น และแม่นยำขึ้นครับ
5. Recoil Spring
สำหรับ ปืน Blow Back แล้ว เมื่อแก๊สส่วนหนึ่งดัน Slide เดินถอยหลังไปแล้ว ชิ้นส่วนที่จะทำให้ Slide เคลื่อนที่กลับมา พร้อมกันเกิดแรงส่ง ดันลูกที่วิ่งอยู่ในลำกล้องออกไปด้วย ก็คือ Spring ที่ติดตั้งอยู่ที่แกนนำ Slide ในภาษาเทคนิค เราเรียก Spring ตัวนี้ว่า Recoil Spring และแกนนำสไลด์ เราเรียกว่า Guild Rod ซึ่งจริงๆแล้ว ในปืนจริง Recoil Spring ทำหน้าที่ดัน Slide กลับเข้าที่ และป้อนกระสุนนัดใหม่เข้ารังเพลิงเท่านั้น แต่ใน BB มันจะเป็นตัวส่งลูกไปด้วยเพื่อเพิ่มความเร็วต้น ดังนั้น การเปลี่ยน Recoil Spring ที่มีความแข็งมากขึ้น ก็จะช่วยส่งผลให้ปืนของเรามีความแรงเพิ่มขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องดูด้วยว่าไม่แข็งมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้ Slide เดินกลับมาเร็วเกินไป อาจทำให้กลไกการยิงบกพร่องได้ นอกเหนือจากนี้ การที่ Recoil ของ Slide กลับมาเร็ว ทำให้เราสามารถเพิ่มอัตราการยิง ได้เร็วขึ้นด้วยครับ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น