วันเสาร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2554

หลอด T5 คืออะไรกันเนี่ย…

|0 ความคิดเห็น

หลอด T5 คืออะไรกันเนี่ย…

วันนี้ ผมได้รับมอบหมายเฉพาะกิจจากเจ้านายอีกครั้งนึงแล้วครับ หลังจากที่ได้ห่างหายมาหลายปี จากการเขียนข่าวเล่าความ แบบมีสาระบ้าง ไร้สาระบ้าง พอมาถึงวันนี้ จู่ๆ เจ้านายที่เคารพของผม ก็เดินมาบอกว่า
“ช่างแม่น ช่วยหน่อยเหอะ ตอนนี้ เด็กๆ มันชอบสเปคหลอดไฟ T5 ใช้ในงานออกแบบ แต่พอถามว่าเจ้าหลอด T5 มันมีที่มาที่ไปอย่างไร ก็ดันไม่มีใครรู้ ทุกคนรู้อยู่อย่างเดียวว่าเจ้าหลอด T5 มันหน้าตาเหมือนหลอด Fluorescent แต่มีขนาดเล็กกว่า ยังไง ก็ช่วยอธิบายเผื่อให้ทั้ง Designer ของเรา กับลูกค้าได้เข้าใจหน่อยนะ”

เอาล่ะสิ งานเข้าจนได้ ทำเอาคนใกล้เกษียณอย่างผม ต้องมานั่งปั่นเรื่องส่งคุณ Hana อีกจนได้ เพราะจริงๆ แกก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าผมสักเท่าไหร่ ก็คนมันสูงวัยแล้ว จะพูดจะจา ก็กลายเป็นบ่นไป จะทำอะไรก็เชื่องช้า ไม่ทันคนหนุ่มๆ ทั้งๆ ที่ใจจริง ก็อยากจะเอาใจแกจะตายไป แต่ด้วยหน้าที่การงานมัดรัดตัว จะส่งเรื่องได้ก็วันท้ายๆ แบบนี้แหละคุณ

เข้าเรื่องดีกว่า รีบเข้าเรื่องรีบสรุป รีบจบเร็วจะได้กลับไปงีบ เอ๊ย ไปเร่งงานต่อ…

เจ้าหลอด T5 ที่เราเรียกกันติดปากนั้น จริงๆ แล้วก็คือ Compact Fluorescent Bulb หรือหลอด CFL ประเภทหนึ่งครับ ซึ่งหลอดประเภทนี้ มีอยู่ในบ้านเรามายาวนานหลายสิบปีแล้ว ซึ่งตอนที่ผมยังหนุ่มๆ เรามักเรียกกันว่าหลอดนีออนไงครับ สมัยนั้น ใครเรียกหลอดนี้ว่าหลอดฟลูออเรสเซนต์นี่ ดูเท่ชะมัด แม้ว่าคนอื่นๆ จะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องก็เหอะ

ทีนี้ เจ้าหลอด T5 นี่มันต่างจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ของเก่ากันตรงไหนล่ะครับท่าน
เจ้าหลอด T5 นี่คือนวัตกรรมใหม่ในการออกแบบหลอดไฟแบบแท่งยาว ให้กินไฟน้อยลง แต่ได้แสงสว่างใกล้เคียงหรือ มากกว่าของเดิม โดย T5 นี่คือรหัสของหลอดครับ




ตัว T นี่จะหมายถึงหลอดชนิด Compact Fluorescent นั่นเอง ส่วนเลข 5 ก็จะหมายถึงขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอด โดยมีหน่วยวัดเป็น 1/8 นิ้ว (บ้านเราเรียกว่าหุน) ซึ่งถ้าเป็นเลข 5 ก็จะมีขนาดของเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดอยู่ที่ 5/8 นิ้ว หรือ 5 หุนนั่นเองครับผม...

อ้าว...ถ้างั้น แล้วหลอดรุ่นอื่นๆ ล่ะ
หลอดรุ่นเก่ากึ๊กส์ หรือหลอดนีออนดั้งเดิม จะมีขนาด 12/5 นิ้ว หรือ 1 นิ้วครึ่งนั่นเองครับ จึงได้ชื่อรหัสว่า T12 จัดว่าเป็นหลอดที่ไม่ช่วยชาติไปซะแล้ว เพราะขนาดยาวสุด ยังกินไฟตั้ง 40 วัตต์แน่ะ
ส่วนหลอดรุ่นต่อมา คงเคยได้ยินคำว่า “หลอดผอม ประหยัดไฟ” แล้วใช่มั้ยครับ เจ้าหลอดรุ่นนั้น จะช่วยชาติได้เยอะเลย เพราะกินไฟลดลง 10% เหลือแค่ 36 วัตต์ สำหรับความยาวสุด และมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 1 นิ้ว หรือ 8/8 นิ้ว ครับ เลยได้รหัสว่า T8 ไปเช่นกัน
โดยเจ้าหลอด T8 นี้ก็ยังมีขายกันอยู่ทั่วไป จัดว่าเป็นหลอดยอดฮิต พิมพ์นิยมรุ่นหนึ่งเลยทีเดียว

สำหรับหลอด T5 นี่ ถือว่าเป็นหลอดรุ่นใหม่ เพิ่งเข้าตลาดมาได้ไม่กี่ปีมานี้เอง โดยหลอดรุ่นนี้ จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางหลอดที่ เล็กกว่า (อย่างที่บอกไป) ทำให้มีขาหลอดที่เตี้ยกว่าหลอดรุ่นอื่นๆ และใช้บัลลาสต์ที่มีขนาดเล็กกว่าด้วยเช่นกัน โดยหลอด T5 นี้จะมีความยาวที่แตกต่างกันออกไป โดยยิ่งยาว ก็จะยิ่งกินไฟมาก โดยหลอดที่ยาว 58” หรือประมาณ 1.45 ม. จะกินไฟ 35 วัตต์ และให้แสงเทียบเท่ากับหลอดขนาด 200 W เลยทีเดียวครับ (มากกว่าหลอดแบบ T8 และ T12 ในความยาวเท่ากัน) ทั้งนี้ ตารางขนาดความยาวหลอด อัตราการกินไฟและความสว่างเทียบเท่า สามารถดูได้จากตารางข้างล่างนี้ครับ

Model
Watt
Output Equivalent
Length
T5-6
6
35 W
9 3/8”
T5-8
8
40W
12 3/8”
T5-14
14
80 W
22 ½”
T5-21
21
120 W
34 ½”
T5-28
28
155 W
46 ¼”
T5-35
35
200 W
58”


อย่างไรก็ดี หลอด T5 ที่นิยมใช้ในประเทศไทย ก็มีอยู่ไม่กี่ขนาด เช่น T5-14, T5-21 และ T5-28 เป็นต้น ส่วนขนาดอื่นๆ ก็ยังคงมีขายบ้าง แต่หาซื้อยากพอสมควร อาจจะต้องติดต่อตัวแทนจำหน่ายหลอดไฟหรือโคมไฟรายใหญ่หน่อยครับ

นอกจากนี้ ด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน บัลลาสต์รุ่นใหม่ๆ จะมีความทนทานมากขึ้น เสถียรมากขึ้น และเปิดปุ๊บก็ติดปั๊บ ไม่ต้องมากระพริบ กระพริบ แล้วลุ้นว่าจะติดหรือไม่ติดเหมือนแต่ก่อน แบบว่า กดปุ่มปุ๊บ สว่างปั๊บเลย
ที่สำคัญ สำหรับบางบริษัท ได้ทำการออกแบบบัลลาสต์รุ่นใหม่ๆ ที่รองรับการหรี่ไฟ หรือ Dim ได้ด้วย ทำให้หลอดแบบ T5 นี้ สามารถหรี่ไฟได้ เมื่อใช้คู่กับบัลลาสต์พิเศษเหล่านี้ครับ (ของดีแบบนี้ ราคาก็แพงเอาเรื่องทีเดียวครับ)

แล้วมีหลอดที่เล็กกว่า T5 อีกหรือไม่
ยังมีหลอด CFL ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางที่เล็กกว่าเจ้า T5 นี้อีกครับ เพียงแต่ถ้าเล็กมากๆ อย่าง T3 ก็จะไม่นิยมนำมาใช้เป็นหลอดยาว แต่จะทำเป็นหลอดเกลียว หรือที่เรียกว่า Spiral Compact Fluorescent หรือหลอดประหยัดไฟ ที่เราๆ ท่านๆ ใช้กันอยู่แหละครับ

ส่วนหลอด T4 ก็มีการผลิตออกมาด้วยเช่นกัน เพียงแต่ไม่ได้นำเข้ามาใช้ในบ้านเรา (หรืออาจจะนำเข้ามาขาย แต่ผมบังเอิญไม่รู้) ทั้งนี้ จะมีขนาดที่เล็กกว่าเล็กน้อย แต่ Spec ต่างๆ ใกล้เคียงกันครับ

หลักการเลือกใช้หลอด T5
จริงๆ แล้ว เจ้าหลอด T5 นี้ ก็สามารถนำมาใช้แทนหลอดฟลูออเรสเซนต์แบบเก่าได้ทันที และใช้ได้เหมือนกัน เพียงแต่ขนาดที่เล็กลง จะทำให้ใช้พื้นที่ด้านความสูงสำหรับหลอดน้อยกว่า จึงเหมาะที่จะใช้กับห้องที่มีข้อจำกัดด้านความสูง และเหมาะที่จะใช้ซ่อนในหลืบฝ้า โดยไม่จำเป็นต้องใช้หลืบฝ้าที่มีขนาดใหญ่เหมือนแต่ก่อนครับ




อย่างไรก็ดี ผมก็เลยมีเรื่องมาเล่าให้ฟังนิดหน่อย เกี่ยวกับความกะป้ำกะเป๋อของเราเองในงานออกแบบ ในช่วงแรกที่ใช้หลอด T5 ในหลืบฝ้า ซึ่งแต่ก่อนเราจำเป็นต้องทำฝ้า Step อย่างน้อย 10-15 ซม. เพื่อบังหลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ และเว้นระยะฝ้า เพื่อให้แสงลอดออกมาอีก 10-15 ซม. ซึ่งทำให้ได้แสงที่พอดี รวมทั้งเพื่อให้มีระยะสำหรับเอามือเข้าไปเปลี่ยนหลอดได้ด้วยครับ แต่พอเปลี่ยนมาใช้หลอด T5 เราก็ตื่นเต้นกับความเล็กของมัน จึงได้ลดระยะความสูงของแผ่นฝ้า Step ลงเหลือแค่ 5-7 ซม. แต่จุดที่พลาดอย่างมหันต์ คงหนีไม่พ้นระยะที่เว้นเพื่อให้แสงลอด เราก็ดันลดระยะลงเหลือ 5-7 ซม.ด้วย (นัยว่า Designer เราชอบอะไรเล็กๆ กว่าปกติ) ซึ่งก็จะส่งผลให้แสงมันไม่ออกมาอย่างที่ควรจะเป็น (ก็ระยะเหลือนิดเดียว แสงก็ถูกกดไว้ในหลืบหมด) แถมงานฝ้าก็ทำได้ยาก แถมไม่ค่อยเนี๊ยบอีกด้วย และที่สำคัญ การเปลี่ยนหลอดในภายหลัง ก็จะทำไม่ได้อีกด้วย (ก็หลอดเล็กลง แต่มือคนเราไม่ได้เล็กลงตามนี่ครับ)
สุดท้าย เจ้านายสุดหล่อของเรา ก็เลยต้องรับภาระเปลี่ยนแบบฝ้าเพดานใหม่ทั้งหมด เพื่อแก้ไขปัญหานี้ พร้อมทั้งเสียงบ่นตามมา อีกหลายวันเลยทีเดียวครับ

เอาล่ะครับ วันนี้ ผมก็มาเล่าเรื่องหลอด T5 ให้ฟังกันไปเรียบร้อยแล้ว สำหรับเดือนหน้า ได้ข่าวว่า เจ้านายกำลังปรึกษากับน้อง Hana คนดี ว่าจะให้ผมมานั่งโม้เรื่องหลอด LED ให้ฟังอีก...แฮ่ม...ถ้าอย่างไร ก็อย่าลืมติดตามตอนต่อไปในเดือนหน้านะครับ...

วิธีจัดการกับพื้นที่ในห้องน้ำขนาดเล็ก

|0 ความคิดเห็น

วิธีจัดการกับพื้นที่ในห้องน้ำขนาดเล็ก

'ห้องน้ำ'เป็นส่วนหนึ่งของบ้านซึ่งมีหน้าที่คอยชำระล้างสิ่งต่างๆของผู้ที่อยู่อาศัย และอาจเป็นพื้นที่ไว้สำหรับใช้ในการผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นการใช้เพื่อประโยชน์ในด้านไหนห้องน้ำก็เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน และในทุกๆวัน มาคราวนี้ forfur จึงมีวิธีเนรมิตพื้นที่ในห้องน้ำขนาดเล็กให้น่าใช้ และกลายมาเป็นมุมโปรดของทุกคนในบ้านกันค่ะ ^^  

 

พยายามใช้สีเดียวในห้องน้ำขนาดเล็ก...  การใช้สีเดียวจะทำให้ห้องน้ำของเรามีขนาดที่ดูใหญ่มากขึ้นแต่ก็ไม่ใช่ว่าเราจะไม่สามารถไล่เฉดที่อยู่บนโทนสีเดียวกันได้ ยิ่งถ้าเราเลือกใช้สีที่ซอฟท์หรือสีที่เป็นโทนกลางก็จะเป็นการเติมเต็มให้กับเทคนิคการลวงตาข้อนี้ได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามปริมาณของแสงจากธรรมชาติที่ส่องผ่านเข้ามายังพื้นที่ภายในห้องน้ำก็มีผลด้วยเช่นกันค่ะ 


เลือกใช้กระเบื้องขนาดใหญ่ในห้องน้ำขนาดเล็ก... เราควรเลือกไซส์และแพตเทิร์นของกระเบื้องปูห้องน้ำที่ใหญ่และเรียบง่ายมากกว่ารูปแบบที่เล็กและดูยุ่งเหยิง เพราะการปูกระเบื้องขนาดใหญ่นั้นจะทำให้รู้สึกว่าห้องน้ำของเรามีขนาดใหญ่และดูสะอาดขึ้นด้วยค่ะ


ใช้พื้นที่แนวตั้ง... หากเราสร้างชั้นวางแนวตั้งไว้บนผนังเพื่อเก็บอุปกรณ์อาบน้ำและอุปกรณ์ทำความสะอาดห้องน้ำ นอกจากจะเป็นการใช้พื้นที่ว่างมาทำให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังเป็นการทำให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้นอีกด้วย

เลือกใช้ประตูบานเลื่อนแทนประตูบานสวิง... เพราะต้องเว้นระยะให้วงสวิงของประตูเราจะเสียพื้นที่ใช้งานไปโดยไม่รู้ตัว หากห้องน้ำของเรามีพื้นที่แคบมากๆก็แนะนำให้ใช้แบบบานเลื่อนจะดีกว่านะคะ


เลือกสุขภัณฑ์ที่มีขนาดเล็กและทันสมัย... เราสามารถขยายพื้นที่ในห้องน้ำได้โดยการลดขนาดสุขภัณฑ์ อย่างเช่นการใช้อ่างล่างหน้าแบบตั้งลอย แทนการใช้อ่างแบบตั้งบนเคาน์เตอร์ หรือตั้งบนชั้นวาง นอกจากขนาดแล้วการเลือกรูปแบบของสุขภัณฑ์ให้ทันสมัยและง่ายต่อการใช้งานยังเป็นการเพิ่มความสวยงาม และความสะดวกสบายให้ห้องน้ำของเราด้วยค่ะ


เปิดรับแสงจากธรรมชาติ... การนำแสงสว่างจากธรรมชาติเข้ามายังพื้นที่ในห้องน้ำไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มหน้าต่างบนผนัง หรือการติดตั้ง Skylight ก็สามารถทำให้พื้นที่ภายในห้องน้ำดูกว้างขึ้นได้ ยิ่งถ้าได้ต้นไม้สีเขียวๆจัดวางไว้ตรงตำแหน่งที่แสงส่องถึงก็จะทำให้ดูสดชื่นและมีชีวิตชีวามากขึ้นไปอีกค่ะ


ใช้กระจกเพิ่มมิติและแสงสะท้อน... กระจกนอกจะช่วยเพิ่มความลึกให้กับห้อง การเลือกติดตั้งกระจกให้สะท้อนกับสิ่งต่างๆยังทำให้ภายในห้องน้ำมีมิติที่เพิ่มขึ้นอย่างเช่น หากเราหันกระจกให้สะท้อนกับหน้าต่าง เราก็จะได้แสงสว่างและทิวทัศน์ภายนอกกลับเข้ามายังห้องน้ำเหมือนกับการได้หน้าต่างเพิ่มมาอีกหนึ่งบาน 
 
เพื่อนๆคงรู้แล้วว่าการที่จะทำให้ห้องน้ำขนาดเล็กของเราน่าใช้ขึ้นได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร เพียงแค่เรารู้จักจัดการกับพื้นที่ต่างๆภายในห้องน้ำให้ได้เสียก่อนอะไรๆก็ง่ายขึ้นเยอะเลยว่ามั้ยคะ. ^^

การจัดสวนในพื้นที่จำกัด

|0 ความคิดเห็น

การจัดสวนในพื้นที่จำกัด

ในเมืองใหญ่ที่ทุกวันนี้ใครๆก็โหยหาธรรมชาติ เพราะพื้นที่เกือบจะทุกตารางเมตรกลายเป็นสิ่งก่อสร้างไปเสียหมด ไม่ว่าจะคอนโดมิเนียม อพาร์ทเมนท์ ที่จอดรถ ยิ่งคนที่มีพื้นที่บ้านเล็กๆเช่น ทาวน์เฮ้าส์ หรือตึกแถวก็อาจจะน้อยใจที่ไม่สามารถปลูกต้นไม้ไว้ชื่นชมได้ แต่ถึงอย่างไร เราขอยืนยันว่า คุณสามารถมีสวนและมุมนั่งเล่นเล็กๆได้ เพียงนำวิธีที่เรากำลังจะบอกนี้ไปลองปรับใช้ดูค่ะ


ปลูกต้นไม้แนวตั้ง... ไม่ว่าจะปลูกในดินหรือไม้เลื้อยบนกำแพง ก็สามารถช่วยประหยัดเนื้อที่ แล้วยังช่วยส่งเสริมบรรยากาศของธรรมชาติในพื้นที่เล็กๆนี้ได้


หลีกเลี่ยงเส้นตรง...การจัดสวนแบบล้อมกรอบเป็นแนวตรงในแปลน จะยิ่งเน้นให้เห็นว่าพื้นที่ที่คุณมีเล็ก คุณควรใช้เส้นสายโค้งเว้าที่ดูมีอิสระ จะช่วยหลอกตาเหมือนคุณมีพื้นที่เยอะกว่าความจริง นอกจากนี้การปลูกต้นไม้สูงต่ำไล่ระดับ จะดึงสายตาของผู้พบเห็นให้ดูมีพื้นที่เยอะ


ปลูกไม้กระถาง...การใช้ต้นไม้ที่มีภาชนะ เป็นวิธีที่สามารถทำได้ง่ายๆและเหมาะกับที่พักอาศัยทุกรูปแบบ โดยเฉพาะบ้านที่มีพื้นที่ทำสวนน้อย หรือไม่มีเลย คุณสามารถเอากระถางไปวางและจัดเป็นมุมต้นไม้เล็กๆได้ค่ะ นอกจากนี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบการจัดวางต้นไม้ได้ง่าย เพราะเราไม่ต้องขุดมันขึ้นมา เพียงแค่โยกย้ายภาชนะเท่านั้น


สวนหิน ก็สวยได้...เนื่องจากพื้นที่สวนเล็กไม่เหมือนสวนกว้างใหญ่ที่สามารถกวาดตาดูทิวทัศน์ในบ้านได้ การใช้จุดรวมสายตาจะสามารถช่วยให้สวนของคุณดูน่าสนใจ วิธีหนึ่งที่ง่ายคือการใช้ก้อนหินมาวางในสวน เลือกที่มีขนาดและรูปร่างสวยงามพอเหมาะ จากนั้นเลือกต้นไม้ที่มีรูปทรงไม่แผ่กระจายมากนักมาเข้าคู่กับก้อนหิน และอาจโรยกรวดบริเวณรอบๆได้ คล้ายสวนสไตล์ญี่ปุ่น 


เติมน้ำในสวน...หลายคนคิดว่าการสร้างสระน้ำหรือบ่อน้ำในบ้านเป็นเรื่องยาก ยิ่งเมื่อมีพื้นที่น้อยด้วยแล้ว แต่อันที่จริงคุณสามารถทำเป็นบ่อน้ำเล็กๆ หรือแม้กระทั่งน้ำตกเล็กๆได้เพียงแค่มีที่ปั๊มน้ำ ถ้าไม่แน่ใจสามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญในการทำบ่อน้ำหรือน้ำตกในบ้านได้ 


ปัจจุบันการทำสวนมีหลากหลายรูปแบบและมีต้นแบบให้เลือกดูเยอะค่ะ ถึงแม้ว่าการจัดสวนในพื้นที่เล็กจะมีข้อจำกัดในเรื่องของเนื้อที่ แต่ก็มีข้อดีในเรื่องของราคาการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆที่น้อยลง และการดูแลรักษาที่ง่ายขึ้น จึงเหมาะมากสำหรับคนทำงานที่ไม่ค่อยมีเวลา แต่ก็ยังต้องการความสดชื่นของธรรมชาติ นอกจากนี้ คุณอาจจัดชุดเก้าอี้ซัก 2 ตัว ไว้นั่งเล่นในมุมสวนของคุณเอง นอกจากจะเพิ่มชีวิตชีวาในการชมสวนแบบใกล้ชิดแล้ว ยังเพิ่มสีสันให้สวนของคุณอีก ด้วยการเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่น่าสนใจและบ่งบอกลักษณะของสไตล์ได้ชัดเจนขึ้น

สุดยอดผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ำ

|0 ความคิดเห็น

สุดยอดผลิตภัณฑ์ประหยัดน้ำ

สืบเนื่องมาจากที่มีนักวิจัยหลายสำนักคาดการณ์ไว้ว่าในอีก 10 กว่าปีข้างหน้า หรือราวพ.ศ. 2568 ในกว่า 41 ประเทศจะเกิดวิกฤตขาดแคลนน้ำดื่ม นักออกแบบจึงพยายามคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับกรใช้น้ำให้มีประสิทธิภาพในการประหยัดน้ำมากที่สุด วันนี้จะพามาดูกันว่าแต่ละผลิตภัณฑ์ที่เขาออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดน้ำอีกทั้งยังดูหน้าตาดี..มีชาติตระกูลอีกต่างหาก จะมีแบบไหนกันบ้างค่ะ

Tlalock


อ่างสุดประหยัดตัวแรกนี้มีชื่อว่า Tlalock จากการออกแบบของ ARIEL ROJO STUDIO ซึ่งเป็นการนำกระบวนทัศน์ที่มีอยู่มาสรรสร้างสุขภัณฑ์ที่จะสามารถช่วยในเรื่องของการหยัดน้ำได้จริง โดยผู้ออกแบบได้นำส่วนของอ่างล่างหน้ามาประกอบติดเข้ากับด้านบนของชักโครกเพื่อทำให้เกิดนวัตกรรมที่จะทำให้น้ำที่ถูกเปิดใช้ในการล้างมือไม่สูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่จะเข้าไปเพิ่มปริมาณน้ำให้กับแท็งก์น้ำในการชักโครกแทนและสามารถประหยัดน้ำได้ถึง 83% ของการใช้งานปกติในแต่ละวันค่ะ


 นอกจากเราจะได้ประโยชน์ในเรื่องของการประหยัดน้ำแล้ว การติดตั้งเจ้า Tlalock แทนอ่างน้ำแบบทั่วไปยังเป็นการเพิ่มพื้นที่การใช้งานในห้องน้ำเราอีกด้วย เห็นอย่างนี้แล้วก็อยากจะให้ผลิตออกมาขายเร็วๆจังค่ะ



Eco Bath


อ่างล้างหน้าประหยัดน้ำชิ้นนี้มีชื่อว่า Eco Bath แค่ชื่อก็การันตีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมไปแล้ว 50% lol.. ว่าแล้วก็มาดูวิธีการใช้งานกันเลยดีกว่าค่ะ


Eco Bath ถูกออกแบบมาเพื่อดึงเอาน้ำที่เสียไปโดยเปล่าประโยชน์จากการล้างมือกลับมาใช้ใหม่โดยนำมาเก็บไว้ในส่วนของแท็งก์น้ำชักโครก ซึ่งแท็งก์เก็บน้ำจะถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนซ้ายขวา โดยหากเรากดชักโครกด้านซ้ายจะเป็นการใช้น้ำของถังเก็บน้ำรีไซเคิลที่เตรียมไว้เพื่อนำกลับมาใช้ใหม่ แต่หากเรากดชักโครกในด้านขวาก็จะเป็นการใช้น้ำประปาธรรมดา ซึ่งภายนอกก็จะมีลักษณะเหมือนแท็งก์น้ำปกติทั่วไปค่ะ 


ในการใช้งานแต่ละครั้งเราจะสามารถสังเกตุได้จากหลอด LED ที่ติดอยู่กับตัวแท็งก์ ถ้าหาก LED แสดงผลออกมาเป็นแดงก็จะหมายความว่าถังน้ำรีไซเคิลยังบรรจุน้ำไม่เต็ม แต่ถ้าหากเป็นแสงสีเขียวก็จะหมายความว่าถังน้ำรีไซเคิลพร้อมใช้แล้วค่ะ



Poor little fish basin


Poor little fish เป็นอ่างล่างมือที่ออกแบบมาเพื่อเปลี่ยนความคิดของผู้คนส่วนใหญ่ที่รู้สึกว่าน้ำเป็นทรัพยากรที่มีเหลืออยู่มากมายและชักชวนให้ลดปริมาณการใช้น้ำอย่างสิ้นเปลืองด้วยการใช้วิธีกระตุ้นอารมณ์และความรู้สึก ผุ้ออกแบบได้ตระหนักถึงวิธีการบังคับให้ผู้คนมีพฤติกรรมใช้น้ำลดน้อยลง ซึ่งจะเป็นการทำให้พวกเขาพบกับความไม่สะดวกสบายและก็จะกลายเป็นความรู้สึกอึดอัดในที่สุด ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้จึงออกแบบมาเพื่อสร้างความคิดในการประหยัดน้ำที่แตกต่างออกไป โดยผู้ใช้จะสามารถเห็นและสัมผัสได้ถึงการสูญเสียสิ่งที่มีตัวตนอยู่จริง


Poor little fish ประกอบด้วยโถเลี้ยงปลาแบบดั้งเดิมและอ่างล่างมือ ซึ่งในขณะที่เราเปิดใช้น้ำ ระดับน้ำในโถเลี้ยงปลาก็จะค่อยๆลดลงมาเรื่อยๆ โดยน้ำจะถูกเติมกลับขึ้นมาเต็มโถอีกครั้งก็ต่อเมื่อก็อกน้ำในอ่างได้ถูกปิด 0_o ซึ่งการใช้งาน ท่อจะถูกแยกระหว่างน้ำประปาขณะที่น้ำในโถก็จะไม่ถูกเปลี่ยนเพียงแค่ถูกดูดไปเก็บไว้เท่านั้นค่ะ เห็นมั้ยคะว่าการที่เราไม่ประหยัดทรัพยากรธรรมชาติมันเดือนร้อนไปถึงน้องปลาเลยนะคะ ><

เฟอร์นิเจอร์สุดคลาสสิคสำหรับห้องครัว

|0 ความคิดเห็น

เฟอร์นิเจอร์สุดคลาสสิคสำหรับห้องครัว


พูดถึงห้องครัวและเฟอร์นิเจอร์ คุณอาจจะคิดว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องเดียวกันได้ เพราะห้องครัวก็คงจะมีแต่เคาน์เตอร์ที่สมบุกสมบัน ทนทานต่อคราบเปื้อนทั้งหลาย ไม่ควรมีเฟอร์นิเจอร์ให้ยุ่งยาก เราเห็นด้วยในข้อนั้นค่ะ แต่ถึงอย่างไร เราสามารถทำให้ห้องครัวสุนทรีย์ขึ้นได้อีกนิด แบบที่ Peter Klint ดีไซน์เนอร์ชาวเดนมาร์กคนนี้ทำค่ะ



Peter Klint ได้ออกแบบชุดครัวที่ชื่อว่า Milano Kitchen ซึ่งผลงานนี้ถูกนำไปจัดแสดงที่มิลานในปีที่แล้ว Klint ใช้วัสดุดั้งเดิมอย่างไม้จริง คือ ไม้โอ็ค เบิร์ช และพ็อพลาร์ แทนการใช้วัสดุหนักๆอย่างหิน และกระเบื้อง นอกจากนี้เขายังลดทอนเครื่องใช้ไฟฟ้า และสิ่งที่ไม่จำเป็นออกจากชุดครัว เหลือเพียงซิงค์ ลิ้นชักและตู้เก็บของเท่านั้น เพื่อสะท้อนถึงวิถีชีวิตการกินการอยู่แบบเรียบง่าย บริสุทธิ์ สวนกระแสครัวทันสมัยพร้อมด้วยเครื่องมือสุดล้ำที่เห็นได้มากมายในปัจจุบัน


Klint บอกว่า สาเหตุที่ใช้ไม้เนื้อแข็งเหล่านี้ หลีกเลี่ยงไม้แปรรูปและเมลามีน ก็เพราะไม้จริงจะแข็งแรงทนทานกว่า ทำสีง่าย และสวยขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป เขาให้นิยามว่า Milano Kitchen เป็นงานสไตล์คลาสสิค และเป็นงานฝีมือจากโคเปนเฮเกน เมืองหลวงของเดนมาร์ก ซึ่งชุดครัวนี้จบในตัว ผลิตเป็นชิ้นๆ ไม่สามารถขยายขนาดตามความต้องการได้ เปรียบเสมือนเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่งที่ดูสวยงาม เรียบแต่ดูมีสไตล์


Milano Kitchen ยังมีข้อดีคือ ช่วยแก้ปัญหาห้องครัวพื้นที่แคบ ให้สามารถวางชุดครัวขนาดเล็กนี้ได้ แต่ยังมีที่เก็บของใต้ซิงค์เยอะเหมือนเดิม นอกจากนี้ การที่ชุดครัวเป็นชิ้นๆ ทำให้มันสามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก หากคุณอยากจะจัดปาร์ตี้ หรือชอบทำครัวนอกบ้าน มีเจ้า Milano Kitchen นี้ตั้งอยู่ในสนามหญ้า ก็ทำให้ดูดีไม่หยอกเลยค่ะ

การเลือกชนิดผ้า....ให้เหมาะกับผ้าม่านสไตล์คุณ

|0 ความคิดเห็น
การเลือกชนิดผ้า....ให้เหมาะกับผ้าม่านสไตล์คุณ

เมื่อเรารู้จักประเภทต่างๆของผ้าม่านแล้ว ต่อไปสิ่งที่จะช่วยให้ม่านชนิดใดชนิดหนึ่งมีคุณภาพ มีความแข็งแรงและทนทาน ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับชนิดของผ้าเป็นสำคัญ เราสามารถเลือกผ้าได้จากการดูความหนาแน่นและน้ำหนักผ้า ผ้าเนื้อยิ่งแน่น น้ำหนักจะยิ่งมาก ซึ่งแม้จะมีข้อดีในการป้องกันแสงแดดได้ดี และไม่ยุ่ยง่ายเมื่อนำมาตัดเป็นผ้าม่าน แต่มันจะเก็บกักฝุ่นและทำความสะอาดยาก คุณอาจลองทดสอบความหนาแน่นของเนื้อผ้าอย่างง่ายๆด้วยการยกมาส่องกับแสง ผ้าที่หนาแน่นมากจะแทบไม่มีแสงผ่านเลย นอกจากนี้ ชนิดของสีที่นำมาย้อมหรือพิมพ์ผ้า ควรจะเป็นสีที่คงทนต่อแสง การซัก กรดด่าง และฝุ่นละออง งั้นอย่าเสียเวลาเลยคะ เรามาทำความรู้จักกับชนิดของเนื้อผ้า ซึ่งหลักๆ แล้วจะมีอยู่ 3 ประเภท 

ชนิดของเนื้อผ้า

1. เนื้อผ้าชนิดโปร่ง (Sheer) เป็นเนื้อผ้าชนิดเบาบาง ส่วนใหญ่จะผสมพอลิเอสเตอร์ร้อยเปอร์เซ็นต์ ป้องกันแสงแดดได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งข้อดีของผ้าชนิดนี้ ก็คือเมื่อมีแสงสว่างส่องเข้ามาภายในบ้านได้บ้าง จะทำให้ภายในห้องดูนวลตา สบายตาขึ้น....ไม่ต้องเปิดไฟ ประหยัดค่าไฟด้วยคะ และมักจะใช้ควบคู่กับเนื้อผ้าชนิดทึบแสง ซึ่งจะกล่าวได้ต่อไปคะ




2. เนื้อผ้าชนิดทึบแสงในตัว หรือผ้าแบล็กเอ๊าต์ (Black Out) เนื่องจากมีคุณสมบัติป้องกันความร้อนได้ดี จึงเหมาะกับบริเวณที่โดนแสงแดดโดยตรง หรือห้องที่ต้องการความเป็นส่วนตัว มืดสนิท เช่นห้องโฮมเธียเตอร์ ห้องนอน เป็นต้น เนื้อผ้าชนิดนี้ทำมาจากเส้นใยธรรมชาติผสมกับใยสังเคราะห์ ซึ่งปัจจุบันกำลังเป็นที่นิยมคะ



3. เนื้อผ้าชนิดที่แสงผ่านได้บ้าง (Dim Out) เป็นชนิดที่มีเนื้อผ้าแบบมาตรฐานที่ใช้กันในปัจจุบัน มีคุณสมบัติกันแสงแดดได้ แต่ทั้งนี้ความสามารถในการกันแสงจะขึ้นอยู่กับสีของเนื้อผ้านั้นๆด้วย


นอกจากการผลิตโดยทั่วไปแล้ว ปัจจุบันยังมีการอาบน้ำยาที่จะช่วยให้ผ้ามีคุณสมบัติพิเศษเพิ่มขึ้น เช่น ขจัดความสกปรกในผ้า เพิ่มความมันเงา ปรับผ้าให้นิ่มไม่ยับง่าย ป้องกันไม่ให้ผ้าขึ้นขนง่าย และยังป้องกันการเคลื่อนตัวของเส้นด้ายในผ้าอีกด้วย ซึ่งคุณต้องเลือกพิจารณาแบบที่คุณต้องการอย่างละเอียด เพราะผ้าแต่ละยี่ห้อแต่ละชนิดก็จะมีข้อดีต่างๆกัน

นอกจากอุปกรณ์หลักทั้งหมดของม่านแล้ว ยังมีของประดับตกแต่งม่านอีก คือ เชือกรัดหรือรวบม่าน ซึ่งจะช่วยเก็บชายผ้าม่านให้สวยงามเป็นระเบียบ เชือกม่านนี้ คุณอาจใช้ผ้าม่านตัดเป็นชิ้นยาว ๆ รัดม่านไว้ หรือใช้ผ้าสีตัดกันกับม่าน หรือถ้าอยากให้ม่านดูสวยหรู คุณอาจจะหาเชือกเกลียวควั่นสวย ๆ สลับสี มาเป็นเชือกม่านแทนผ้าธรรมดา ๆ ก็ได้ และถ้าคุณชอบม่านที่แหวกเปิดเป็นช่องสวยอยู่ตัว ควรทำขอเกี่ยวเชือกม่านที่ผนังข้างหน้าต่าง จะช่วยให้ม่านเปิดเป็นช่องโค้งสวย ไม่ตกลงมาตรง ๆ ข้างหน้าต่างหรืออาจใช้ขอเกี่ยว เกี่ยวม่านไปเลยถ้าไม่อยากมีอุปกรณ์ยุ่งยาก


   

ม่านมีรายละเอียดที่ต้องศึกษามาก แต่ถ้าเราเข้าใจเลือก และติดม่านอย่างเหมาะสม ม่านจะสามารถแก้ไขข้อบกพร่องให้กับบริเวณต่างๆในบ้านได้ เช่น ถ้าคุณอยากให้หน้าต่างดูสูงและกว้างกว่าความเป็นจริง คุณสามารถติดราวผ้าม่านสูงเหนือหน้าต่าง ให้ปลายราวเลยขอบหน้าต่างเล็กน้อย ปลายผ้าม่านยาวถึงพื้น ก็จะช่วยทำให้หน้าต่างดูสูงโปร่งขึ้นได้ หรือถ้าอยากให้ผนังห้องดูกว้างกว่าความจริง คุณควรเลือกม่านที่มีสีอ่อน กลืนไปกับห้อง เลือกติดม่านให้ใหญ่และยาว เป็นต้น ไม่มีม่านแบบใดที่ตายตัวกับประตู-หน้าต่าง แบบใดแบบหนึ่ง คุณสามารถพลิกแพลงใช้ม่าน 2 ชิ้นร่วมกันก็ได้  เช่นม่านตาไก่กับม่านพับ หรือม่านจีบกับมู่ลี่ ลองเลือกดูตามความชอบของคุณค่ะ อย่าให้การเลือกม่านทำให้คุณปวดหัว เพราะเมื่อได้มาสวยสมใจแล้ว ผ้าม่านจะช่วยเพิ่มชีวิตชีวาให้ห้องมากทีเดียวค่ะ

ม่านตาไก่กับม่านพับ

ม่านจีบกับมู่ลี่ หรือ ม่านปรับแสง



|0 ความคิดเห็น

Think Glass Countertop


วันนี้ forfur มีงานออกแบบท็อปเคาน์เตอร์สารพัดประโยชน์ที่มีชื่อว่า Thinkglass ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่จะมาสร้างบรรยากาศใหม่ๆให้บ้านของเรา  ด้วยการชุบชีวิตพื้นที่การใช้งานและเฟอร์นิเจอร์ชิ้นเก่าให้กลับมาสวยสะดุดตา ราวกับว่ามีคลื่นทะเลเรืองแสงกำลังไหลวนอยู่บนแผ่นท็อปเคาน์เตอร์ของเรา


ผู้ออกแบบได้ทำการติดตั้งหลอดไฟ LED ประสิทธิภาพสูงไว้ภายในแผ่นกระจก ซึ่งจะทำให้แผ่นท็อปเคาน์เตอร์สามารถสรรสร้างแสงสีที่หลากหลาย เช่นการใช้แสงกระพริบ หรือการเฟดแสงได้โดยการควบคุมผ่านรีโมท 


 Thinkglass มีความสามารถในการใช้งานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะถูกนำมาใช้เป็นท็อปเคาน์เตอร์บนบาร์ ชั้นวางของในพื้นที่ห้องครัว ห้องน้ำ หรือจะทำมาใช้เป็นงานศิลปะตกแต่งบ้านก็ได้เช่นกัน


Thinkglass ได้ก้าวมาเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม Thermoforming ด้วยการบุกเบิกเทคนิคการสร้างสรรค์งานศิลปะบนพื้นผิว ด้วยต้นทุนการผลิตที่ค่อนข้างต่ำ โดยเริ่มเปิดตัวในงาน National Kitchen Bath Show ในลาส เวกัส 




Modular Lighting

|0 ความคิดเห็น
Modular Lighting

วันนี้ขอพาเพื่อนๆมาชม Link โคมไฟติดฝ้าที่ถูกออกแบบขึ้นโดย Ramon Esteve ให้กับ Vibia  โดย Link เป็นชุดโคมไฟ Modular Design ที่มีรูปแบบการให้แสงสว่างคล้ายกับแสงแดดที่ส่องผ่าน Skylight  โดยมีรูปทรงที่แตกต่างกันของขนาดและความลึก 4 แบบด้วยกัน 


Link เป็นโดมไฟประหยัดพลังงาน จึงเหมาะกับการติดตั้งบนพื้นที่ของการทำงานซึ่งมักจะมีการเปิดใช้งานอยู่ตลอดเวลา และผู้ใช้ยังสามารถจัดวางรูปแบบในการติดตั้งได้อย่างอิสระเพื่อให้โคมไฟถูกอยู่บนตำแหน่งและพื้นที่ที่เหมาะสมมากที่สุด


ปรับแต่งรูปแบบให้สวยได้ตามต้องการ


จัดวางให้คล้ายกับตึกในเมืองก็ทำให้เก๋ไปอีกแบบ


ระบบแสงสว่างภายในบ้าน

|0 ความคิดเห็น

ระบบแสงสว่างภายในบ้าน

เทรนด์แบบบ้านประหยัดพลังงานนั้น อาจให้ความสำคัญกับแสงสว่างตามธรรมชาติ (Daylight) นั่นคือเน้นการดึงแสงเข้ามาในบ้านให้มากที่สุด ซึ่งจะช่วยประหยัดค่าไฟได้ แต่ระบบแสงสว่างแบบแสงประดิษฐ์เช่น ไฟดาวน์ไลท์ในห้องอาหารหรือโคมไฟทำงานก็สำคัญเช่นกัน เพราะในการทำงานบางอย่างเราอาจต้องการแสงเพื่อให้เพียงพอต่อการใช้สายตา โดยเฉพาะในเวลากลางคืนที่ต้องเปิดไฟเพื่อความปลอดภัยด้วย ซึ่งแสงสว่างในงานออกแบบตกแต่งภายใน มี 4 ประเภท ดังนี้ค่ะ



Ambient Light...เป็นแสงที่ทำหน้าที่ส่องสว่างเป็นตัวหลักในห้อง ให้แสงกระจายทั่วไปเท่ากันทั้งบริเวณพื้นที่ใช้งาน ไม่ได้เน้นเรื่องความสวยงามมากนัก
Task Light...เป็นแสงสว่างสำหรับการทำงานโดยเฉพาะ เช่น เย็บผ้า ทำกับข้าว หรืออ่านหนังสือ เป็นต้น
Accent Light...แสงส่องเน้น เป็นแสงที่ช่วยเน้นให้จุดเด่นของห้องชัดเจนขึ้น  เช่น เน้นผนังหินธรรมชาติ หรือการเน้นโซฟาตัวกลาง ช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้อง
Decorative Light...เป็นแสงที่ได้จากโคมหรือหลอดที่สวยงามเพื่อสร้างจุดสนใจในการตกแต่งภายใน

การส่องสว่างภายในห้องต่างๆ
ที่พักอาศัยมักต้องการความสบายอยู่แล้วใช่มั้ยคะ ดังนั้นควรให้แสงที่ดูอบอุ่น การใช้แสงสีเหลืองจึงน่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม ซึ่งคุณสามารถเลือกใช้หลอดอินแคนเดสเซนต์ ฮาโลเจน หรือหลอดคอมแพคท์ฟลูออเรสเซนต์แบบวอร์มไวท์ (Warm White) เพราะมีสีเหลืองคล้ายกัน และใช้ไฟสีขาวในบริเวณที่ต้องใช้สายตา เช่นโคมไฟอ่านหนังสือ หรือไฟเหนืออ่างซิงค์ในครัว เป็นต้น เรามีคำแนะนำในการออกแบบแสงสว่างในแต่ละห้องของบ้านมาฝากค่ะ


ห้องรับแขก/นั่งเล่น...มีเรื่องที่ต้องคำนึงเช่น รูปร่างของห้อง เส้นทางเดินในห้อง และบริเวณที่มีการใช้งาน เนื่องจากห้องนั่งเล่นเป็นห้องที่ไม่ได้มีการใช้สายตามากนัก ดังนั้นคุณอาจให้ไฟสีเหลืองที่ไม่ต้องสว่างมาก พอมองเห็นได้แล้วค่อยใช้ Accent Ligtht บางจุดเช่นส่องภาพเขียนบนผนัง หรืออาจะมีโคมไฟหน้าตาสวยๆเหนือโต๊ะเตี้ยกลางชุดที่นั่ง เป็นต้น 
ห้องนอน...การให้แสงในห้องนอนต้องเน้นความสบายมากที่สุดค่ะ  Ambient Light ในห้องนอนมักจะไม่ติดบนฝ้าเพดานที่ตรงกับเตียงนอนมากนัก เพราะจะแยงตาในกรณีที่นอนอยู่ ดังนั้นอาจใช้การกดฝ้าลงมา เฉพาะส่วนเหนือเตียง แล้วให้ไฟหลืบส่องออกมา หรืออาจจะใช้โคมไฟข้างเตียงช่วยในกรณีที่ต้องการอ่านหนังสือเล็กน้อยก่อนนอน เพื่อจะไม่รบกวนคนที่นอนข้างๆ รวมถึงวางนาฬิกาปลุกไว้ได้ค่ะ ซึ่งหมายความว่าอาจใช้ Accent Light และ Task Light มาช่วยเป็น Ambient Light นั่นเอง


ห้องทำงาน...สิ่งที่สำคัญที่สุดเห็นจะหนีไม่พ้น Task Light ค่ะ ควรเลือกใช้แสงสีออกขาวเพื่อให้มองเห็นชัดเจนขึ้นและสีของวัตถุต่างๆไม่เพี้ยนจากความจริง เรื่องที่ต้องระวังคืออย่าให้เงามาบังบริเวณที่จะทำงาน เช่นถนัดมือขวา ก็ให้แสงส่องเข้าทางด้านซ้าย และถ้ามีการใช้คอมพิวเตอร์ ควรให้แสงสว่างมาจากเหนือจอคอมพิวเตอร์เพื่อให้เห็นแป้นตัวหนังสือบนแป้นพิมพ์ แต่ไม่สะท้อนจอเข้าตาค่ะ
ห้องครัว/ห้องทานอาหาร...ในบริเวณที่เตรียมอาหาร ควรมี Task Light เพียงพอ อาจใช้ฮาโลเจนติดหรือซ่อนไฟหลืบใต้ตู้บนของชุดครัว เพื่อใช้งานในเวลาหั่น สับวัตถุดิบ ส่วนในบริเวณทานอาหาร ควรให้แสงสว่างพอเหมาะไม่มากไม่น้อยเกินไป เพื่อให้สามารถมองเห็นอาหารที่รับประทาน และสามารถมองเห็นคู่สนทนาร่วมโต๊ะด้วยค่ะ อาจเพิ่มลูกเล่นไฟแบบหรี่ได้ ในกรณีที่มีรับประทานอาหารในโอกาสพิเศษ


ห้องน้ำ...เป็นห้องที่เน้นการใช้งานเป็นหลัก โดยเฉพาะบริเวณหน้ากระจกและอ่างล้างหน้า ซึ่งมีกิจกรรมการแต่งหน้า โกนหนวด และเช็คร่างกายตัวเอง ถ้าบริเวณหน้ากระจกดังกล่าวมีการแต่งหน้าด้วย ควรมีการใช้ไฟแสงสว่างทั้งไฟฟลูออเรสเซนต์แบบคูลไวท์ (Cool White) หรือ เดไลท์ (Daylight) และหลอดอินแคนเดสเซนต์หรือคอมแพคท์วอร์มไวท์เพราะงานที่ไปส่วนใหญ่ เพื่อให้เหมาะสมกับการแต่งหน้าทั้งงานกลางวันและกลางคืนค่ะ โดยอาจใช้ไฟกิ่งหรือไฟดาวน์ไลท์เหนือศีรษะ ส่วนบริเวณที่ใช้ฝักบัวเพื่ออาบน้ำก็ควรใช้โคมที่สามารถป้องกันไอน้ำที่ออกมากับฝักบัว ด้วย เช่น โคมแบบมีครอบแก้ว เป็นต้น  

การเลือกการให้แสงสว่างที่ประหยัดพลังงานเป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่ต้องเพียงพอต่อการใช้งานด้วยนะคะ เพราะมันส่งผลต่อสุขภาพทางสายตาด้วย อีกทั้งแสงยังช่วยสร้างบรรยากาศของห้องได้ดีมาก การเลือกให้แสงอย่างถูกวิธี เน้นในจุดที่ควรเน้น ก็จะทำให้เราใช้ไฟฟ้าได้คุ้มค่าสมราคาค่ะ