วันพุธที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2554

วงจรขยายคลาส A แบบต่อโหลดโดยตรง(Series Class A Amplifier)

|0 ความคิดเห็น
วงจรขยายคลาส A แบบต่อโหลดโดยตรง(Series Class A Amplifier)
รูปที่ 5.1 วงจรขยายคลาส A แบบต่อโหลดโดยตรง

     วงจรขยายคลาส A แบบต่อโหลดโดยตรง คือวงจรขยายที่มีการไบแอสทรานซิสเตอร์ตลอดไซเคิล หรือ 1 คาบ
เวลาของสัญญาอินพุต แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ แบบต่อโหลดโดยตรงซึ่งมีประสิทธิภาพกำลัง ของการขยาย25%และ แบบต่อโหลดกับหม้อแปลงไฟฟ้าซึ่งมีประสิทธิภาพกำลังของการขยาย 50%
รูปที่ 5.2 กราฟแสดงเส้นโหลด

จากรูปที่ 5.2 แสดงให้เห็นเส้นโหลด() ที่เกิดจากค่าVCC และRC สังเกตว่าจุดตัดระหว่าง IB กับเส้นโหลด dc เป็น
ตัวกำหนด จุดทำงาน(จุด Q) ของวงจร

การทำงานขณะได้รับไฟฟ้ากระแสสลับ(ac Operation)         เมื่อจ่ายสัญญาณอินพุต ac ให้กับวงจรขยายในรูปที่ 1 จะทำให้IB สวิงรอบๆจุด Q เป็นผลให้สัญญาณ
กระแสเอาต์พุต(IC) กับแรงดันเอาต์พุต(VCE) เกิดการสวิงดังรูปที่ 5.3
รูปที่ 5.3 การสวิงของสัญญาณเอาต์พุต
วงจรขยายคลาส B (Class B Amplifier Circuits)           การต่อวงจรขยายคลาส B ทำได้หลายแบบ พิจารณาแบบที่นิยมกันคือ วงจรผลักดึงแบบใช้หม้อแปลงไฟฟ้า ,วงจรสมมาตรเชิงคู่ประกอบและวงผลักดึงแบบเหมือนคู่ประกอบสัญญาณอินพุตของวงจรบางประเภทเป็นสัญญาณ ที่มีขั้วหรือเฟสตรงข้ามกัน 2 สัญญาณการกลับเฟสหรือขั้วของสัญญาณอินพุต 2 สัญญาณทำได้หลายวิธี ดังรูปที่ 5.4
รูปที่ 5.4 a  แสดงการกลับเฟส โดยใช้หม้อแปลงแบบเทปกึ่งกลาง(Center tapped)
การกลับเฟสโดยใช้หม้อแปลงแบบเทปกึ่งกลาง(Center tapped) ถ้าหม้อแปลงมีการต่อแทปกึ่งกลางอย่างแท้จริง สัญญาณอินพุตทั้งสองของวงจรผลักดึงจะมีเฟสตรงข้ามกันและมีขนาดเท่ากัน

รูปที่ 5.4 b  แสดงการกลับเฟสโดยใช้ทรานซิสเตอร ์
การกลับเฟสโดยใช้ทรานซิสเตอร ์ที่มีเอาต์พุตจากขั้ว E อินเฟสกับสัญญาณอินพุตส่วนสัญญาณเอาต์พุตจากขั้ว C มีเฟสตรงข้ามกับสัญญาณอินพุต ถ้าอัตราขยายของสัญญาณอินพุตทั้งสองมีค่าใกล้กับ 1 จะได้ขนาดของสัญญาณเท่ากันด้วย

รูปที่ 5.4 c  แสดงการกลับเฟสโดยให้ออปแอมป์หลายสเตจ
 การกลับเฟสโดยให้ออปแอมป์หลายสเตจ สังเกตว่า ออปแอมป์สเตจหนึ่งสร้างอัตราขยายกลับเฟสท ี่เป็น unity ส่วนอีกสเตจหนึ่งสร้างอัตราขยายไม่กลับเฟสที่เป็น unity เพื่อให้เกิดสัญญาณเอาต์พุต 2 สัญญาณที่มีขนาดเท่ากัน แต่มีเฟสตรงข้ามกัน

วงจรผลักดึงแบบใช้หม้อแปลงไฟฟ้า (Transformer-Coupled  Push-Pull Circuit)
        วงจรในรูป 5.5  ใช้หม้อแปลงไฟฟ้าแบบแทปกึ่งกลางทางด้านอินพุตสร้างสัญญาณที่มีขั้วตรงข้ามกัน (ดังรูป 5.4 a) ไปยังทรานซิสเตอร์ 2 ตัวและหม้อแปลงเอาต์พุต เพื่อขับโหลดในการทำงานภาวะผลักดัน
รูปที่ 5.5 วงจรผลักดึงแบบใช้หม้อแปลงไฟฟ้า



วงจรสมมาตรเชิงคู่ประกอบ (Complementary – Symmetry Circuits)
         เมื่อใช้ทรานซิสเตอร์เขิงคู่ประกอบ (npn และ pnp) ทรานซิสเตอร์แต่ละตัวจะทำงานในแต่ละครึ่งไซเคิลของ สัญญาณอินพุต ซึ่งทำให้ได้สัญญาณเอาต์พุตเต็มไซเคิลจ่ายให้แก่โหมด ดังรูป 5.6


รูปที่ 5.6 วงจรสมมาตรเชิงคู่ประกอบ
     ข้อเสียของวงจรขยายประเภทนี้ คือ ต้องการแรงดันไฟฟ้าจากแหล่งจ่ายที่แยกกัน จำนวน 2 แหล่งจ่ายการทำงาน ของวงจรขยายอาจทำให้เกิดการเพี้ยนที่ช่วงต่อของสัญญาณเอาต์พุต ดังรูป 5.6d  การเพี้ยนนี้เกิดจากทรานซิสเตอร์ ไม่สลับกันทำงานอย่างถูกต้อง กล่าวคือ เมื่อทรานซิสเตอร์ตัวหนึ่งปิดอีกตัวหนึ่งต้องเปิดในทันทีทันใดในบริเวณ ช่วงต่อของสัญญาณ หรือที่ตำแหน่งตกข้ามศูนย์ของรูปคลื่นแรงดัน(ระหว่างบวกและลบ)แต่ทรานซิสเตอร์ทั้ง 2 ตัวกลับเปิดและปิดที่สัญญาณมากกว่าครึ่งไซเคิล

รูปที่ 5.7 วงจรผลักดึงอีกแบบหนึ่งที่ใช้ทรานซิสเตอร์เชิงคู่ประกอบ จะต่อทรานซิสเตอร์แบบดาร์ลิงตันดังรูป 5.7

วงจรขยายผลึกดึงแบบเหมือนคู่ประกอบ(Quasi-Complementary Push-Pull Amplifier)        ในทางปฏิบัตินิยมใช้วงจรขยายคลาส B ที่มีทรานซิสเตอร์ npn สร้างค่าสัญญาณเอาต์พุตแต่ละครึ่งไซเคิล
ให้ปรากฏที่โหลด ดังรูป 5.8 ซึ่งเราเรียกว่า วงจรขยายผลักดึงแบบเหมือนคู่ประกอบ

รูปที่ 5.8 ค่าสัญญาณเอาต์พุต

จากรูป 5.8 สังเกตว่าต่อ Q1 กับ Q3 แบบดาร์ลิงตัน และต่อ  Q2 กับ Q4 แบบฟีดแบคแพร์ นอกจากนั้นเราสามารถ ปรับตัวต้านทาน R2  เพื่อลดการเพี้ยนที่ช่วงต่อสัญญาณ  ให้มีค่าต่ำที่สุดได้

การเพี้ยนของวงจรขยาย (Amplifier Distortion)        สัญญาณรูปคลื่นไซน์ที่แท้จริงมีความถี่เดียว สัญญาณนี้เป็นแรงดันไฟฟ้าที่เปลี่ยนแปลงเป็นบวกและลบใน
ปริมาณเท่ากัน สัญญาณใดๆที่เปลี่ยนแปลงน้อยกว่า 360 องศาต่อ 1 ไซเคิล แสดงว่ามีการเพี้ยนเกิดขึ้น จึงทำให้ สัญญาณเอาต์พุตที่ได้มีลักษณะไม่เหมือนกับสัญญาณอินพุต (ยกเว้นขนาด) การเพี้ยนเกิดขึ้นได้ในการทำงาน
ของวงจรขยายทุกคลาส เพราะคุณลักษณะของอุปกรณ์บางอย่างไม่เป็นเชิงเส้น เช่น ทรานซิสเตอร์กำลัง เป็นต้น หรืออาจเกิดจากองค์ประกอบของวงจรและการตอบสนองของอุปกรณ์ต่อสัญญาณอินพุตที่ความถี่ต่างกันอีกด้วย

รูปที่ 5.9 การเพี้ยนของรูปคลื่นในแต่ละคาบเวลา
           อธิบายได้จาก การวิเคราะห์โดยอนุกรมฟูริเยร์(Fourier Series) ซึ่งเป็นวิธีการอธิบายรูปคลื่นที่เป็นคาบเวลา ในเทอมขององค์ประกอบความถี่เดิม หรือความถี่พื้นฐาน (Fundamental Frequency) และองค์ประกอบความถี่ย่อย องค์ประกอบส่วนหลังนี้เราเรียกว่า องค์ประกอบฮาร์โมนิก หรือเรียกสั้นๆว่า ฮาร์โมนิก จากรูป 5.9 สมมตว่าสัญญาณ มีความถี่พื้นฐาน 1 kHz ดังนั้น สัญญาณที่ปนอยู่กับสัญญาณความถี่พื้นฐานหรือสัญญาณย่อยที่มีความถี่ 2 kHz (เกิดจาก 2 x 1 kHz) เป็นฮาร์โมนิกที่สอง , สัญญาณย่อยที่มีความถี่ 3 kHz (เกิดจาก 3 x 1 kHz) เป็นฮาร์โมนิกที่สาม และสัญญาณย่อยที่มีความถี่ 4 kHz (เกิดจาก 4 x 1 kHz) เป็นฮาร์โมนิกที่สี่ เป็นต้น

วงจรขยายคลาส AB           วงจรขยายคลาส B เป็นวงจรขยายที่มีไบอัสทรานซิสเตอร์ครึ่งไซเคิล (หรือ 180 องศา) ของสัญญาณอินพุต ซึ่งอาจทำให้เกิดการเพี้ยนที่ช่วงต่อสัญญาณเอาต์พุตที่ได้ ปัญหาดังกล่าวจะลดลง ถ้าดัดแปลงวงจรขยายคลาส B ให้ไบอัสทรานซิสเตอร์มากกว่า 180 องศาของสัญญาณอินพุต  เราเรียกวงจรนี้ว่า วงจรขยายคลาส AB

รูป 5.10 วงจรแบบสมมาตรเชิงคู่ประกอบ
จากรูป 5.10 เป็นวงจรแบบสมมาตรเชิงคู่ประกอบ แต่มีแรงดันไฟฟ้าตกคร่อมไดโอด 2 ตัว ช่วยในการไบอัสทรานซิสเตอร์ กล่าวคือ ใช้แรงดันไฟฟ้าตกคร่อมไดโอดช่วยในการไบอัสระหว่าง ขั้ว B และ E ของ Q1 และ Q2 ให้นำกระแสได้เล็กน้อย ขณะไม่มีสัญญาณอินพุต ลักษณะเช่นนี้ทำให้เกิดการไบอัสทรานซิสเตอร์มากกว่า 180 องศาของสัญญาณอินพุต ซึ่ง หมายถึง การเพี้ยนที่ช่วงต่อของสัญญาณเอาต์พุตย่อมมีค่าลดลง

การระบายความร้อนของทรานซิสเตอร์กำลัง (Power Transistor Heat Sinking)        งานที่ต้องการกำลังไฟฟ้าสูง ต้องใช้ทรานซิสเตอร์กำลัง (รูป 5.11) ที่พัฒนาให้ทำงานที่พิกัดกำลังไฟฟ้าสูงได้ ถ้านำทรานซิสเตอร์นี้มาใช้กับวงจรขยายกำลังจะเกิดกำลังสูญเสียจำนวนหนึ่งที่บริเวณรอบตัวทรานซิสเตอร์เมื่ออุณหภูมิ
ที่บริเวณดังกล่าวเพิ่มขึ้น



รูปที่ 5.11 การเปรียบเทียบทรานซิสเตอร์
            เมื่อเปรียบเทียบทรานซิสเตอร์ที่ทำจากเจอร์เรเนียม (Germanium) และซิลิคอน (Silicon) จะพบได้ว่า ทรานซิสเตอร์ซิลิคอน มีค่าพิกัดอุณหภูมิที่รอยต่อมากกว่า กล่าวคือ
Silicon :                 150 – 200 องศาเซลเซียส
Germanium :        100 – 110 องศาเซลเซียส

กำลังไฟฟ้าแพร่กระจายหรือกำลังสูญเสียมีค่าประมาณ

PD           =     VCEIC
          กำลังสูญเสียนี้เกิดขึ้นได้เฉพาะเมื่ออุณหภูมิยังไม่ถึงค่าสูงสุด ในกรณีที่อุณหภูมิสูงกว่าค่าสูงสุด ความสามารถใน การควบคุมกำลังไฟฟ้าของทรานซิสเตอร์กำลังจึงลดลงถึง 0 W เนื่องจากกำลังไฟฟ้าที่ควบคุมด้วย ทรานซิสเตอร์ กำลังยิ่งมีค่ามากเท่าใด อุณหภูมิก็ยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น  ดังนั้น  จึงต้องหาวิธีการระบายความร้อนของตัวทรานซิสเตอร์นี้ วิธีการที่นิยมคือต่อตัวระบายความร้อน (Heat Sink) เข้ากับตัวถังของทรานซิสเตอร์

            รูป 5.11 แสดงให้เห็นตัวระบายความร้อนประเภทหนึ่ง ที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวถังของทรานซิสเตอร์หลายเท่า ทำจากโละหะที่นำความร้อนได้ดี เช่นอะลูมิเนียม เป็นต้นส่วนที่เป็นครีบมีไว้เพื่อเพิ่มขึ้นพื้นผิวสำหรับการแพร่กระจาย ความร้อนไปสู่อากาศให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ การเชื่อมระหว่างตัวถังของทรานซิสเตอร์กับตัวระบายความร้อน จะต้องมีการแยกด้วยฉนวน(เช่นไมก้า) เพื่อป้องกันแรงดันไฟฟ้ารั่วไหลที่ตัวถังของทรานซิสเตอร์
การพิจารณากำลังไฟฟ้าที่แพร่กระจายจากส่วนต่างๆ ของทรานซิสเตอร์กำลัง ไปยังตัวระบายความร้อนจะง่ายขึ้น ถ้าใช้วงจรเทียบเคียงทางไฟฟ้า นั่นคือ กำหนดให้ความต้านทานอุณหภูมิ(Thermal Resistance : q )  เปรียบเสมือนความต้านทาน(R) , กำลังไฟฟ้าที่แพร่กระจาย (Power Dissipation;PD)เปรียบเสมือนกระแสไฟฟ้า (I)  และอุณหภูมิ (Temperature ; T) เปรียบเสมือนแรงดันไฟฟ้า (V)

แหล่งที่มาของเนื้อหา
ชื่อหนังสือ : วิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์ชื่อผู้แต่ง :
ดร.สุรชัย สุขสกุลชัย

โรคเส้นเลือดสมองตีบ

|0 ความคิดเห็น
โรคเส้นเลือดสมองตีบ
อัมพฤกษ์อัมพาต เป็นอาการที่คนทั่วไปโดยเฉพาะผู้สูงอายุ จะเกรงกลัวกันมาก ซึ่งอาการดังกล่าวหมายถึง การที่แขนขาอ่อนแรงซีกใดซีกหนึ่ง และมักจะไม่ค่อยหาย หรือหายแต่ไม่หายสนิท ใช้เวลาฟื้นฟูสมรรถภาพค่อนข้างนาน มีความพิการหลงเหลืออยู่บ้าง ไม่มากก็น้อย สาเหตุของอาการดังกล่าวมีได้หลายอย่าง แต่ที่พบบ่อยที่สุด คือ ประมาณ80-90% ก็คือ โรคหลอดเลือดสมอง ที่เหลือก็เป็นสาเหตุอื่นๆเช่น เนื้องอกในสมอง ฝีในสมองเป็นต้น

เส้นเลือดสมองตีบหมายถึงอะไร

เส้นเลือดสมองตีบเป็นโรคหนึ่งซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มใหญ่ที่เรียกว่า โรคหลอดเลือดสมอง ซึ่งประกอบ ไปด้วย 3 โรคหลักๆ ได้แก่ เส้นเลือดสมองตีบ แตก และ อุดตัน โดยที่เส้นเลือดสมองตีบเป็นแบบที่พบได้มากที่สุด(80-85%)

เส้นเลือดที่ตีบเกิดจากการหนาตัวของผนังหลอดเลือด รวมทั้งอาจมีเกล็ดเลือด หรือองค์ประกอบอื่นๆ ของเลือด มาสะสมตามผนังหลอดเลือด ซึ่งจะทำให้เลือดไหลผ่านได้น้อยลง ถ้าเป็นมาก ก็จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอเพียง และเกิดความเสียหายต่อเซลสมองบริเวณนั้นๆ
ภาพเคลื่อนไหวของ หลอดเลือดแดง และ ดำ

มีอาการอย่างไรได้บ้าง
เนื่องจากสมองมีหลายส่วน แต่ละส่วนมีหน้าที่แตกต่างกันไป ดังนั้น อาการในผู้ป่วยแต่ละคน ขึ้นกับบริเวณของสมองที่มีเส้นเลือดตีบ อาการที่พบได้แก่
แขนขาอ่อนแรง หรือชาซีกใดซีกหนึ่ง (บางกรณีอาจเป็น ทั้ง2ซีก)
ลิ้นแข็ง พูดไม่ชัด หรือสำลัก
พูดไม่ได้ หรือฟังไม่รู้เรื่อง (มีปัญหาด้านความเข้าใจภาษา)
เวียนศีรษะมาก เดินเซ แบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
มองไม่เห็นซีกใดซีกหนึ่ง

โดยลักษณะสำคัญของอาการที่เกิดคือ เป็นค่อนข้างเร็ว กระทันหัน ภายในเวลาเป็นนาที หรืออาจเป็นหลังตื่นนอน โดยที่ก่อนเข้านอนยังปกติอยู่

ใครมีโอกาสเป็นบ้าง
อายุที่มากขึ้นถือเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคนี้ที่ไม่สามารถป้องกันได้ แต่ปัจจัยเสี่ยงที่เราสามารถควบคุมได้ยังมีอีกหลายอย่าง ซึ่งถ้าเราคุมได้ดีก็จะสามารถลดโอกาสการเกิดอัมพฤกษ์อัมพาตได้มากแม้จะไม่100% ก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวได้แก่
ความดันโลหิตสูง
เบาหวาน
ไขมันในเลือดสูง
การสูบบุหรี่
โรคหัวใจบางชนิด

วินิจฉัยอย่างไร

อาศัยการซักประวัติ ตรวจร่างกายทั่วไปและการตรวจทางทางระบบประสาท และการทำเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ในบางรายหากสงสัยว่าอาจเป็นอย่างอื่น แพทย์ที่ตรวจอาจให้ตรวจสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า(MRI) แทนการตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ การทำ CT scan ของสมอง จะช่วยให้แยกได้ระหว่างเส้นเลือดตีบหรือแตก ซึ่งการรักษาจะต่างกันไป

รักษาให้หายขาดได้หรือไม่
ปัจจุบันยังไม่มียาใดที่รักษาอาการที่เกิดขึ้นได้โดยตรง แต่ผู้ป่วยแต่ละคนมีโอกาสที่จะดีขึ้นได้เอง โดยเน้นการทำกายภาพบำบัดเป็นหลัก ซึ่งแต่ละคนจะมีความแตกต่างกันไปในเรื่องของการฟื้นตัวว่าจะดีขึ้นได้ถึงระดับใด โดยอาจพอบอกแนวโน้มได้คร่าวๆหลังเกิดอาการ2-4 สัปดาห์ แต่ก็ไม่ได้ทำนายได้ถูกต้องแน่นอนเสมอไป เป็นเพียงแนวโน้ม เช่น ถ้าผ่านไป2 สัปดาห์ อาการอ่อนแรงดีขึ้นมากพอสมควร ก็อาจบอกได้ว่ามีโอกาสที่จะฟื้นตัวได้มาก บางรายทำกายภาพบำบัดไป3-6 เดือน ไม่ค่อยดีขึ้นเท่าที่ควร ก็อาจมีแนวโน้มว่าจะใช้เวลานานหรืออาจไม่ดีขึ้นกว่าเดิมมากนัก
ยาที่ใช้รักษามีอะไรบ้าง
ยาที่ใช้ในโรคนี้ ใช้เพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ เนื่องจากถ้าเป็นครั้งหนึ่งแล้ว จะมีความเสี่ยงที่จะเป็นซ้ำได้ ยาที่สำคัญคือยาป้องกันเส้นเลือดตีบ ซึ่งแพทย์จะพิจารณาเป็นรายๆไป ไม่ควรซื้อทานเองเนื่องจากอาจเกิดผลข้างเคียงได้
ยาที่มีความสำคัญมากอีกกลุ่มหนึ่ง คือยาที่ใช้คุมปัจจัยเสี่ยงในรายที่มีปัจจัยเสี่ยง เช่น ยาเบาหวาน ความดันสูง ไขมันในเลือดสูง เป็นต้น รวมทั้งการปฏิบัติตัวที่ถูกต้องโดยเฉพาะการควบคุมอาหารที่เกี่ยวข้องกับปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ ถ้าคุมโรคเหล่านี้ได้ดี โอกาสเป็นเส้นเลือดสมองตีบก็จะน้อยลงไปมาก
ควรงดสูบบุหรี่ เนื่องจากเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญ และการเลิกขึ้นอยู่กับจิตใจเท่านั้น โดยแทบไม่ต้องใช้ยาใดๆ
การทำกายภาพบำบัด มีส่วนสำคัญที่สุดในการเพิ่มโอกาสที่ทำให้ส่วนที่อ่อนแรง กลับมามีแรงมากขึ้นได้ ส่วนยาที่ทาน จะเน้นไปที่การป้องกันการเกิดซ้ำของเส้นเลือดสมองตีบ ดังนั้น แม้ทานยาครบ แต่ไม่ค่อยทำกายภาพบำบัด ก็ไม่สามารถทำให้อาการดีขึ้นได้เท่าที่ควร

ยาบำรุงสมองช่วยได้หรือไม่
มีคนพูดถึงยาบำรุงสมอง แปะก๊วย อาหารเสริม ฯลฯ ว่าจะช่วยให้อัมพาตหายได้หรือไม่ รวมทั้งการรักษาในแนวอื่นๆอีกหลายรูปแบบ รวมทั้งยาฉีดบางชนิดที่ราคาแพง ซึ่งทุกอย่างดังกล่าว ยังไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้ทางการแพทย์ว่าได้ผล และการรักษาบางอย่างอาจเกิดผลเสียกับผู้ป่วยโดยไม่รู้ตัวได้ ถ้าไม่แน่ใจ จึงไม่ควรทานหรือฉีด
ยาหม้อ เป็นยาที่นิยมมากโดยเฉพาะในต่างจังหวัด ซึ่งนอกจากไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยแล้ว ยังอาจเกิดอันตรายได้หลายรูปแบบ แต่คนนิยมทาน เนื่องจากในยาหม้อ มีสารที่ทำให้ทานแล้วรู้สึกสบาย เหมือนจะดีขึ้น ซึ่งไม่ว่าเป็นโรคอะไรก็จะดีขึ้น แต่เป็นเพียงความรู้สึก และเป็นชั่วคราว ในระยะยาวไม่มีผล และสารนี้ทำให้เกิดอาการตามมาได้หลายอย่าง เช่น น้ำตาลในเลือดสูง โรคกระเพาะ ภูมิคุ้มกันต่ำ ติดเชื้อง่าย หน้าบวม ฯลฯ บางรายที่ทานนานๆ เมื่อหยุดทานก็จะเกิดอาการไม่สบายได้หลายรูปแบบ ยาหม้อจึงเป็นยาที่ไม่ควรทานโดยเด็ดขาด

ทำไมบางคนหาหมอพระ หรือทานยาหม้อแล้วหายดี กลับมาเดินได้
อย่างที่กล่าวในตอนต้น คือโรคนี้เป็นโรคที่ในระยะแรกๆทำนายได้ยาก ว่าแต่ละคนจะดีขึ้นได้แค่ไหน หรือใช้เวลาเท่าใด บางรายอาจดีขึ้นเองโดยไม่ได้ทานยาอะไรเลยก็เป็นได้ บางรายทานยาทุกอย่าง ทำกายภาพบำบัดเต็มที่ ก็อาจไม่ค่อยดีขึ้นมากนักก็เป็นได้ ดังนั้นในรายที่ทานยาหม้อหรือรักษาแบบอื่นๆใดๆก็ตามแล้วดีขึ้น มักเกิดจากการที่คนนั้นจะดีขึ้นเองอยู่แล้ว แต่บังเอิญไปทานยาหม้อด้วย คนจึงเข้าใจว่าดีจากยาหม้อแล้วจึงนำไปบอกกันปากต่อปาก จึงกลายเป็นที่นิยมกันไป แต่ในรายที่ไม่ดีขึ้นหรือเกิดผลข้างเคียงจากยาหม้อ คนทั่วไปก็จะไม่ค่อยพูดถึง หรืออาจโทษว่า อาการที่แย่ลงเป็นจากตัวโรคเส้นเลือดสมองตีบเอง

ทำไมแพทย์มักมีอคติ หรือปิดกั้นการรักษาแบบอื่นๆที่ไม่ใช่แผนปัจจุบัน
แพทย์ไม่ได้ปิดกั้นหรือมีอคติใดๆ เนื่องจากแพทย์ทุกคนทราบว่าในเมื่อขณะนี้ แผนปัจจุบันยังไม่สามารถรักษาให้หายสนิทได้ทุกราย ญาติผู้ป่วยก็อยากลองพึ่งการรักษาทางอื่นดูบ้าง เผื่อว่าอาจได้ผล แพทย์ส่วนมากก็ให้ลองได้ แต่ต้องเป็นการรักษาหรือเป็นยาที่ไม่เกิดอันตรายใดๆกับผู้ป่วย แต่การรักษาหลายอย่าง อาจเกิดอันตรายได้ เช่น ยาหม้อ การนวดโดยการเหยียบ การนอนในทรายดำ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่แพทย์จำเป็นต้องชี้แจง
นอกจากนี้ ยังมีอีกประเภทที่ต้องชี้แจง แม้อาจไม่มีอันตรายนัก แต่เกิดจากการหวังผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม โดยฉวยโอกาสบนความเดือดร้อนของผู้ป่วยและญาติ เช่น อาหารเสริม เตียงแม่เหล็ก วิตามินบางชนิด ยาฉีดแพงๆซึ่งอ้างว่ามาจากเมืองนอก เป็นต้น โดยการโฆษณาชวนเชื่อ เกินความจริง ซึ่งปัจจุบันเริ่มมีการเอาผิดทางกฏหมายกับคนกลุ่มนี้แล้ว

สามารถป้องกันโรคเส้นเลือดสมองตีบได้หรือไม่
เนื่องจากเป็นโรคที่ถ้าเป็นแล้ว มักไม่หายสนิท เหลือความพิการอยู่บ้างไม่มากก็น้อย การป้องกันจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง ในรายที่มีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวข้างต้น ควรควบคุมโรคเหล่านั้นให้ดี ไม่ขาดยา ตั้งใจควบคุมอาหาร จะลดโอกาสการเป็นอัมพาตลงได้มาก รวมทั้งการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ พักผ่อนเพียงพอ หลีกเลี่ยงของมึนเมา
ควรตรวจเลือดเพื่อหาปัจจัยเสี่ยงทุกปี โดยเฉพาะถ้าอายุมากกว่า 30-35?ีขึ้นไป หรือมีประวัติคนในครอบครัวมีโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เพราะเราอาจมีโรคเหล่านั้นได้ เนื่องจากส่วนมากเป็นโรคที่เกี่ยวข้องกับพันธุกรรม

การดูแลผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้แล้ว
หลักสำคัญๆ ได้แก่
ควบคุมปัจจัยเสี่ยงอย่างเคร่งครัด ห้ามขาดยา พบแพทย์ตามนัด
ทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง โดยอาจทำเองที่บ้านได้หลังจากออกจากโรงพยาบาล
ให้กำลังใจผู้ป่วย เนื่องจากโรคนี้พบว่าผู้ป่วยมีโอกาสมากที่จะมีโรคซึมเศร้า หรือเครียดร่วมด้วย ซึ่งเกิดจากการที่เคยทำอะไรได้ แล้วมาทำไม่ได้
ในรายที่เดินไม่ได้ นอนอยู่กับเตียง ต้องพลิกตัว จับนั่งบ่อยๆ เพื่อป้องกันโรคแทรกซ้อน เช่น ปอดอักเสบ แผลกดทับ ทางเดินปัสสาวะอักเสบเป็นต้น ซึ่งแพทย์และพยาบาลจะสอนการดูแลเหล่านี้ รวมทั้งการให้อาหารทางสายยาง(ถ้าต้องใส่) ก่อนที่จะให้ผู้ป่วยกลับบ้าน

โดย นพ.เขษม์ชัย เสือวรรณศรี อายุรแพทย์ประสาทวิทยา

ไตวาย

|0 ความคิดเห็น
ไตวาย


ไตเป็นอวัยวะหนึ่งของร่างกาย มี 2 ข้าง ลักษณะเป็นรูปถั่ว ขนาดในผู้ใหญ่ประมาณ 10-13 ซ.ม. ตำแหน่งอยู่ทางด้านหลังตรงบริเวณบั้นเอว ทั้งสองข้าง
ไตจะทำหน้าที่กรองเลือดที่มาเลี้ยงไตและนำของเสียและน้ำส่วนเกิน กรองและขับออกมา เป็นปัสสาวะ
ไตเป็นอวัยวะที่ทำงานหนักมากและไม่มีเวลาพักผ่อน โดยจะรับเลือดจากหัวใจในปริมาณถึง 20% หรือ 1ใน 5 ของเลือดที่บีบตัวออกจากหัวใจแต่ละครั้ง รวมปริมาณเลือดถึงประมาณวันละไม่ต่ำกว่า 1400 ลิตร และนำมากรองขับออกมาเป็นปัสสาวะประมาณวันละ 1-2 ลิตรเท่านั้น


โดยสรุปหน้าที่ของไตจึงมีทั้งหมดดังนี้คือ
1.ขับของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญสารอาหารต่างๆของร่างกายรวมทั้งสารพิษต่างๆที่ร่างกาย ได้รับออกมาเป็นปัสสาวะ

2.ขับน้ำส่วนเกินออกจาการ่างกาย

3.ควบคุมดุลย์ของน้ำและเกลือแร่ทีสำคัญของร่างกายให้อยู่ในภาวะปกติเสมอ

4.ช่วยสร้างฮอร์โมนที่มีผลต่อการสร้างเม็ดเลือดแดง

5.ช่วยสร้าง วิตามินดี -3 ชนิดแอคทีพซึ่งจะมีผลต่อการดูดซึมแคลเซียมและฟอสเฟตมากที่สุด 

ภาวะไตวาย
ภาวะไตวายคือภาวะที่มีการทำงานของไตลดลง จนเกิดมีการคั่งของของเสียประเภทยูเรียไนโตรเจน และของเสียอื่นๆเกิดขึ้น เราจะรู้ได้ด้วยการวัดค่าของเสียเหล่านี้คือค่า บียูเอ็น ( BUN, Blood urea nitrogen ) และค่า ครีอะตีนีน ( Cr, Creatinine ) ค่า BUN ปกติ มีค่าประมาณ 12-20 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร ( mg% ) ส่วนค่า Cr มีค่าประมาณ 0.6-1.2 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร
ถ้าทั้งสองตัวมีค่าสูงกว่านี้โดยไม่ใช่เกิดจากยาหรือภาวะบางอย่าง โดยทั่วไปจะถือว่า มีภาวะไตวายเกิดขึ้น ไตวายอาจจะเป็นแบบที่มีปัสสาวะมาก คือมากกว่า 400 มิลลิลิตรต่อวัน หรือแบบมีปัสสาวะน้อย คือน้อยกว่า 400 มิลลิลิตรต่อวันก็ได้
ถ้ามีปัสสาวะน้อยผู้ป่วยมักจะบวมเหนื่อยหอบนอนราบไม่ได้ จากการมีสารน้ำคั่งจนหัวใจวาย แต่ถ้าเป็นไตวายแบบมีปัสสาวะมากผู้ป่วยจะไม่เหนื่อยหอบเร็วนัก อาจจะไม่มีอาการจนกระทั่งค่า BUN ในเลือดถึงประมาณ 80-100 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร จะเกิดภาวะของเสียคั่งที่เรียกว่า ยูรีเมีย ซึ่งมักจะมีอาการ สะอึก คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ผิวแห้ง อาจมีหัวใจวายหรือเจ็บหน้าอก จากเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ และถ้าไม่รักษาจะซึม ชักหมดสติและเสียชีวิตได้
ในทางการแพทย์แบ่งไตวายเป็น 2 แบบคือ
ไตวายฉับพลัน
ไตวายเรื้อรัง


โดย น.ท.นพ.จักรพงศ์ ไพบูลย์ อายุรแพทย์โรคไต

คอพอก

|0 ความคิดเห็น
คอพอก
ความหมาย

คอพอก (Goiter) หมายถึง ภาวะที่มีการโตขึ้นของต่อมไทรอยด์ สามารถแบ่งได้ดังนี้
แบ่งตามลักษณะการโต แบ่งออกเป็น


                                  ภาพแสดง ต่อมทัยรอยด์โตทั่วๆไป

1.ต่อมไทรอยด์โตทั่ว ๆ ไป (Diffuse goiter) : หมายถึง ภาวะที่มีต่อมไทรอยด์โตทั่ว ๆ ไป
2. ก้อนเดี่ยวของต่อมไทรอยด์ (Solitary thyroid nodule) : หมายถึง ภาวะที่มีการโตของต่อมไทรอยด์เฉพาะที่ มองเห็นเป็นก้อนเดี่ยว ๆ โดยที่ส่วนอื่น ๆ ของต่อมไทรอยด์ดูปกติ
3. ก้อนตะปุ่มตะปั่มของต่อมไทรอยด์ (Multinodular goiter) : มีก้อนหลาย ๆ ก้อน ทำให้เห็นไทรอยด์เป็นก้อนตะปุ่มตะปั่ม

แบ่งตามอาการ แบ่งออกเป็น


                                     ภาพแสดง ต่อมทัยรอยด์โตทั่วๆไป


1. คอพอกแบบเป็นพิษ (Toxic goiter) : ต่อมไทรอยด์มีการสังเคราะห์และหลั่งไทรอยด์ฮอร์โมนมากเกิน จนเกิดอาการใจสั่น เหนื่อยง่าย มือสั่น น้ำหนักลด และอื่น ๆ

2. คอพอกธรรมดา (Simple goiter) :
คอพอก โดยที่ไม่มีอาการของต่อมไทรอยด์เป็นพิษ


ต่อมไทรอยด์คืออะไร

ต่อมไทรอยด์ คือต่อมไร้ท่อชนิดหนึ่งของร่างกาย อยู่บริเวณคอด้านหน้า, วางอยู่หน้าต่อหลอดลม, มีน้ำหนักประมาณ 20 กรัม, แบ่งออกเป็น 2 กลีบ ซ้ายกับขวา เชื่อมกันตรงกลางด้วยส่วนคอดที่เรียกว่า isthmus แต่ละกลีบมีขนาดประมาณ 5x2x2 ซม., ต่อมไทรอยด์มีกล้ามเนื้อปกคลุมอยู่ ทำให้ในภาวะปกติที่ไม่มีไทรอยด์โต หรือโตน้อย ก็จะมองไม่เห็น ต่อมไทรอยด์มีหน้าที่สร้างไทรอยด์ฮอร์โมน โดยใช้ ธาตุไอโอดีน เป็นส่วนประกอบหนึ่ง จากนั้น ก็จะปล่อยเข้าสู่กระแสเลือด, ฮอร์โมนเหล่านี้ มีหน้าที่กระตุ้นการเผาผลาญพลังงาน (metabolism) ของเซล ทั่วร่างกาย และจำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตของร่างกายด้วย

สาเหตุ


1.คอพอกธรรมดา ส่วนใหญ่เกิดจากการขาดธาตุไอโอดีน,อาจพบได้ในขณะที่ร่างกาย ต้องการไทรอยด์ฮอร์โมนเพิ่มขึ้น เช่น ในช่วงวัยรุ่น ขณะตั้งครรภ์, ได้รับสารบางชนิด หรือยาบางอย่าง
(ในระยะแรก ต่อมไทรอยด์จะโตทั่ว ๆ ไป แต่ต่อมาจะกลายเป็นก้อนตะปุ่มตะปั่ม หรืออาจคลำได้เป็นก้อนเดี่ยว ๆ ก็ได้)

2. ก้อนเดี่ยวและก้อนตะปุ่มตะปั่มของต่อมไทรอยด์ อาจเกิดจาก การขาดไอโอดีน, ถุงน้ำ, ต่อมไทรอยด์อักเสบ, เนื้องอกธรรมดา หรือมะเร็ง ก็ได้
3. ภาวะพิษของต่อมไทรอยด์ อาจเกิดจาก คอพอกเป็นพิษที่เรียกว่า Graves’ disease, เนื้องอกธรรมดาที่ทำงานมากเกิน (Toxic adenoma) หรือคอพอกตะปุ่มตะปั่มที่เป็นมานาน (Toxic multinodular goiter)

อาการและอาการแสดง

                    ภาพแสดง อาการตาโปนของคอพอกแบบเป็นพิษ

1.ไม่มีอาการอะไร นอกจากพบว่า มีต่อมไทรอยด์โตขึ้น
2.อาการที่เกี่ยวเนื่องกับต่อมไทรอยด์เป็นพิษ คือมีอาการเหนื่อยง่าย ใจสั่น มือสั่น กินจุแต่ผอมลง เหงื่อออกมาก ขี้ร้อน หงุดหงิดง่าย นอนไม่หลับ อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาจมีประจำเดือนลดลง ท้องเดิน และอาจพบการเปลี่ยนแปลงที่ตา เช่น ลูกตาโปน
3. อาการเจ็บที่ก้อน มักพบในคอพอกที่เกิดจากการอักเสบของต่อมไทรอยด์ หรือมีเลือดออกในก้อน
4. อาการจากการกดเบียดอวัยวะข้างเคียง พบในกรณีที่ก้อนโตมาก อาจมีอาการกลืนลำบาก (กดหลอดอาหาร), หายใจลำบาก (มีการกดเบียดของหลอดลม)
5. อาการจากการลุกลามของก้อน อาจมีอาการเสียงแหบ จากการลุกลามไปที่เส้นประสาทเลี้ยงสาย เสียง, ถ้ามีอาการนี้ มักเป็นมะเร็ง
6. อาการของการกระจายของมะเร็ง อาจพบต่อมน้ำเหลืองบริเวณคอโตขึ้น หรือมีอาการปวดกระดูก

ความสำคัญ

ต่อมไทรอยด์โต เป็นภาวะที่พบบ่อย พบว่า ประมาณ 4-7% ของประชากร จะมีก้อนที่ต่อมไทรอยด์ (ประมาณ ครึ่งหนึ่ง จะคลำพบเป็นก้อนเดี่ยว ๆ) พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย
ก้อนเดี่ยวของต่อมไทรอยด์ มีโอกาสเป็นมะเร็ง ประมาณ 5-10 %
ส่วนภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ มีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยกว่า คือ ประมาณ 1 %
โดยมีโอกาสเป็นมะเร็งในกลุ่มที่
1. มีประวัติเคยได้รับการฉายรังสี บริเวณศีรษะและคอ ในวัยเด็ก (ถ้ามีก้อนจะพบมะเร็งประมาณ 30-40%)
2. มีประวัติมะเร็งต่อมไทรอยด์ในครอบครัว
3.ก้อนของต่อมไทรอยด์ในเพศชายมีโอกาสเป็นมะเร็งบ่อยกว่าเพศหญิง (แต่พบก้อนของต่อมไทรอยด์ในเพศหญิงได้บ่อยกว่า)
4. อายุ น้อยกว่า 20 ปี หรือมากกว่า 60 ปี
5.ก้อนโตเร็ว หรือมีอาการเสียงแหบ หายใจลำบาก กลืนลำบาก
6. ก้อนแข็ง ติดกับอวัยวะข้างเคียง
7. มีการกระจายไปที่ต่อมน้ำเหลืองบริเวณข้างเคียง

การสืบค้นเพิ่มเติม



คลิกเพื่อชมวิดีโอแสดงการตรวจร่างกายโดยการกลืน

1. การตรวจเลือดดูระดับไทรอยด์ฮอร์โมน (Thyroid function test) ช่วยบอกว่า มีภาวะพิษของต่อมไทรอยด์หรือไม่
2. การเจาะดูดด้วยเข็ม เพื่อดูลักษณะเซล (Fine needle aspiration biopsy) มีความสำคัญที่สุด ในการวินิจฉัยแยกว่า ก้อนที่ต่อมไทรอยด์นั้น เป็นมะเร็งหรือไม่
3. การตรวจอุลตร้าซาวน์ (Ultrasound) ช่วยบอกขนาด และขอบเขตของก้อน, แยกถุงน้ำจากก้อนเนื้องอก โดยถ้าเป็นถุงน้ำ จะมีโอกาสเป็นมะเร็งน้อยกว่า
4. การตรวจไทรอยด์สแกน (Radioisotope scan) ช่วยบอกว่า ก้อนของต่อมไทรอยด์ ทำงานมากหรือน้อยกว่าปกติ (เรียกว่า hot nodule และ cold nodule ตามลำดับ) โดยที่มะเร็งส่วนใหญ่ จะทำงานน้อยกว่าปกติ
5. การตรวจเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) ใช้ในกรณีที่ก้อนใหญ่ หรือมีการกดเบียดอวัยวะข้างเคียง

เมื่อไปพบแพทย์แพทย์จะทำอะไรให้

ประวัติ แพทย์จะสอบถาม อายุและเพศ, ระยะเวลาที่เริ่มเป็น, การเปลี่ยนแปลงของก้อน (โตเร็วหรือช้า), อาการเจ็บที่ก้อน, อาการเหนื่อยง่ายใจสั่น, ประวัติที่ชวนให้สงสัยมะเร็งดังกล่าวแล้ว (ประวัติครอบครัว, ประวัติการฉายแสง), อาการเสียงแหบ, หายใจลำบาก, กลืนลำบาก
การตรวจร่างกาย นอกจากการตรวจร่างกายทั่ว ๆ ไปแล้ว แพทย์จะให้กลืนน้ำลาย แล้วดูลักษณะของก้อน (เนื่องจากต่อมไทรอยด์จะเคลื่อนขึ้นลงตามการกลืน) แล้วคลำดูขนาด, ขอบเขตของก้อน, ความอ่อนแข็ง, การมีต่อมน้ำเหลืองโต, อาการและอาการแสดงทางตา ของไทรอยด์เป็นพิษ
การตรวจพิเศษเพิ่มเติม เพื่อแยกว่า มีอาการของไทรอยด์เป็นพิษหรือไม่, เป็นมะเร็งหรือไม่ใช่มะเร็ง
การรักษา เมื่อได้การวินิจฉัยแล้ว แพทย์ก็จะให้การรักษาตามสาเหตุต่อไป

 แนวทางในการรักษา

Diagram สรุปแนวทางในการรักษา ก้อนเดี่ยวทัยรอยด์ ก้อนตะปุ่มตะป่ำ
 
การรักษา


ก้อนเดี่ยวของต่อมไทรอยด์
1. การผ่าตัด ตรวจพบว่า ก้อนนั้นเป็นมะเร็ง หรือสงสัยว่า จะเป็นมะเร็ง
ก้อนมีขนาดใหญ่ กดเบียดอวัยวะข้างเคียง, ยื่นลงไปในทรวงอก
เพื่อความสวยงาม

2. การสังเกตอาการ ในกรณี ที่ตรวจยืนยันว่า ไม่ใช่มะเร็ง ก็ไม่ต้องผ่าตัด สังเกตอาการต่อไปได้ หรืออาจให้ฮอร์โมนของต่อมไทรอยด์กิน เป็นระยะเวลาหนึ่ง
กรณีที่ก้อนโตขึ้น อาจพิจารณาผ่าตัด

ต่อมไทรอยด์เป็นพิษ
1. การรักษาด้วยยา ใช้ยาต้านไทรอยด์ เพื่อควบคุมอาการของการเป็นพิษ ระยะเวลาในการให้ยา ประมาณ 1-2 ปี หากไม่หายต้องพิจารณาการรักษาวิธีอื่นต่อไป
2. การรักษาโดยการผ่าตัด ใช้ในรายที่ก้อนโตมาก มีข้อห้ามต่อการให้สารรังสี
3. การให้สารไอโอดีนรังสี สารรังสีจะไปทำลายต่อมไทรอยด์ที่ทำงานมากเกินไป ทำให้หายจากภาวะต่อมไทรอยด์เป็นพิษ
โดย นพ.นพวัชร์ สมานคติวัฒน์ ศัลยแพทย์

การสวนล้างลำไส้เพื่อล้างพิษ

|0 ความคิดเห็น
การสวนล้างลำไส้เพื่อล้างพิษ
การสวนล้างสำไส้ (Colonic Irrigation, CI) คือการใช้ของเหลวปริมาณมาก ใส่เข้าไปใน ลำไส้ใหญ่ ผ่านทางท่อ เพื่อที่จะล้างสิ่งที่อยู่ภายในลำไส้ใหญ่ออกมา CI ต่างจากการสวนทวารธรรมดา ตรงที่การสวนทวารนั้นใช้ของเหลวปริมาณน้อยสวนเข้าไปในไส้ตรง ซึ่งเป็นส่วนสุดท้ายของลำไส้ใหญ่ ต่อกับทวารหนักเท่านั้น ในขณะที่การสวนล้างลำไส้ทำโดยใช้ของเหลว ปริมาณมาก เป็นลิตรๆ ตั้งใจจะให้ขึ้นไปถึงลำไส้ใหญ่ ของเหลวที่ใช้มีทั้ง กาแฟสมุนไพรและหญ้า ชนิดต่างๆ ฯลฯ ผู้สนับสนุนการสวน แบบนี้มักจะโฆษณาว่าโรคต่างๆและความตายเกิดจากลำไส้ใหญ่ และการสวนล้าง จะทำการล้างพิษ (Detoxify) ออกจากร่างกาย และการล้างไส้ (Cleansing) มีความจำเป็น ต่อสุขภาพ ซึ่งทั้งหมดนี้ไม่มีความจริงอยู่เลย 
ความคิดว่าโรคต่างๆเกิดจากลำไส้นี้เป็นความเชื่อผิดๆที่เก่าแก่มากที่สุดในโลกอย่างหนึ่ง
ชาวอียิปต์โบราณมีความเชื่อว่าอุจจาระทำให้เกิดความผุพัง และความผุพังทำให้เกิดความตาย ความเชื่อนี้ทำให้ชาวอียิปต์เขียนลงในตำราว่าความผุพังนั้นเกิดขึ้นจากทวารหนักและลำไส้ ดังนั้น ชาวอียิปต์จึงตัดเอาลำไส้ออกเวลาทำมัมมี่ 

ในคริสตศตวรรษที่ 19 (ร้อยปีก่อน) ทฤษฏีเรื่องสารพิษในลำไส้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง มีความเชื่อที่ว่าสารพิษอันเกิดจากบัคเตรีในลำไส้ถูกดูดซึมกลับเข้าไปก่อปัญหาต่างๆในร่างกาย ด้วยเหตุนี้ จึงมีผู้เสนอกรรมวิธีต่างๆเช่นการกินนมเปรี้ยวเพื่อสร้างบัคเตรีชนิดใหม่ การกินไฟเบอร์ สมัยนั้นเรียกว่า roughage การดื่มน้ำมากๆ แม้กระทั่งการผ่าตัดเพื่อให้ลำไส้สั้นลง อุตสาหกรรมยาถ่ายตอนนั้นเจริญขึ้นมากเพราะเหตุนี้ 
ในปัจจุบันเรามีความเข้าใจดีขึ้นเกียวกับความสำคัญของกากอาหาร ไฟเบอร์ การดื่มน้ำ และอื่นๆ แต่เราก็เข้าใจด้วยว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับสารพิษในลำไส้แต่อย่างใด มีการศึกษาตั้งแต่ในทศวรรษที่ 1920 (ประมาณพศ. 2463) พบว่าการสวนล้างลำไส้ไม่-
มีประโยชน์อันใดและการสวนก็ไม่ได้เข้าไปได้ลึกอย่างที่โฆษณากัน แม้ว่าจะทำโดยใช้สายสวนที่มีความยาวมาก (Snyder, Americal Journal Roentgenol & Radiation Therapy, 1927; 17:27-43) มีการศึกษาต่อมาที่พบว่าการใช้สายสวนทำให้เชื้อโรคเข้าไป ในร่างกายได้โดยผ่านผนังลำไส้ด้วย 

ในปี พศ. 2528 มลรัฐแคลิฟอร์เนียประกาศตักเตือนทั้งแพทย์และไคโรแพรคเตอร์ ถึงการทำการสวนล้างสำไส้ คำประกาศกล่าวว่าการกระทำดังกล่าวไม่พบว่ามีประโยชน์แต่อย่างใด แต่พบว่ากลับมีโทษซึ่งรวมถึงอาการเจ็บป่วยซึ่งและการตายจากการติดเชื้อหรือ ความผิดปกติ ของเกลือแร่ใน ร่างกายและลำไส้ทะลุซึ่งนำไปสู่การติดเชื้ออย่างรุนแรง (Kizer 1985, Istre 1982, Eisele 1980, Ballentine 1981) ดูรายละเอียดในอ้างอิง 
การสวนล้างลำไส้เป็นที่นิยมในหมู่ผู้งมงายทางสาธารณสุข (Health Fetish ใครรู้ว่าภาษาไทยเขาเรียกอะไรมั่ง) การทำการล้างลำไส้ cleansing และดีท็อกซ์ detoxification ไม่มีผลดีใดๆทางสรีระวิทยา แต่มีผลทางจิตใจในผู้ที่รู้สึกว่า ตนเองนั้นมีความสกปรกหรือไม่บริสุทธิ์ผู้ที่งมงายอาจจะได้ความสุขทางใจ เล็กๆน้อยๆและคลายความวิตก กังวลทางจิตใจลงไปบ้างด้วย การกระทำดังกล่าว 
สภาเพื่อความรู้ความเข้าใจทางสาธารณสุขแห่งชาติของสหรัฐ ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไร ของประชาชนและนักวิชาการสาขาต่างๆ เห็นด้วยกับคำเตือนและคำประกาศของมลรัฐแคลิฟอร์เนีย ว่าการสวนล้างลำไส้นั้นไม่มีประโยชน์ทางสุขภาพใดๆ แต่มีอันตรายร้ายแรง อยู่หลายประการ ฯลฯ 

โดย นพ.ปิยะพงศ์ วงษ์โกวิท อายุรแพทย์

โรคลิ้นหัวใจรั่ว

|0 ความคิดเห็น
โรคลิ้นหัวใจรั่ว

 
 โรคลิ้นหัวใจรั่ว
หัวใจทำงานคล้ายปั๊มน้ำสูบฉีดโลหิตไปเลี้ยงทั่วร่างกาย การบีบตัวของหัวใจทำให้เลือดไหลผ่านลิ้นหัวใจ ซึ่งเหมือนวาล์วปิดเปิด โดยเมื่อเลือดไหลผ่านออกไป ลิ้นหัวใจจะปิดไม่ให้เลือดไหลย้อนทางกลับมา เมื่อมีปัญหาโรคของลิ้นหัวใจ ประตูปิดเปิดจะทำงานไม่ปกติ เลือดไหลเวียนไม่สะดวก หัวใจทำงานหนักขึ้น ทำให้เหนื่อยง่าย

ลิ้นหัวใจ มี 4 ลิ้น

1) ลิ้นเอออร์ติค กั้นระหว่างหัวใจห้องซ้ายล่างกับหลอดเลือดแดงใหญ่
2) ลิ้นไมตรัล กั้นระหว่างหัวใจห้องซ้ายบนและล่าง
3) ลิ้นพัลโมนารี กั้นระหว่างหัวใจห้องขวาล่างกับหลอดเลือดที่ไปปอด
4) ลิ้นไตรคัสปิด กั้นระหว่างหัวใจห้องขวาบนและล่าง

สาเหตุของโรคลิ้นหัวใจ

1) โรคลิ้นหัวใจรูห็มาติค เกิดจากการติดเชื้อในวัยเด็ก มีอาการคออักเสบ แล้วเกิดการอักเสบของหัวใจ แต่จะเริ่มมีอาการตอนอายุมากขึ้น พบบ่อยมากในบ้านเรา โดยเฉพาะในต่างจังหวัด
2) โรคลิ้นหัวใจเสื่อมในคนสูงอายุ เป็นความเสื่อมของร่างกาย มักเป็นลิ้นหัวใจเอออร์ติคตีบ เกิดจากมีหินปูนเกาะที่ลิ้นหัวใจ
3) โรคลิ้นหัวใจพิการแต่กำเนิด อาจมีอาการตอนวัยเด็ก หรือมีตอนเป็นผู้ใหญ่ก็ได้ เด็กจะเหนื่อยง่าย ตัวไม่โต ตัวเขียว อาจพบร่วมกับผนังหัวใจรั่วด้วย
4) โรคลิ้นหัวใจอักเสบติดเชื้อ พบในคนไข้ที่ฉีดยาเสพติด หรือ คนไข้ที่มีโรคลิ้นหัวใจรั่วอยู่แล้วเกิดเชื้อโรคในเลือดไปทำลายลิ้นหัวใจ หลังจากการทำฟัน
5) โรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ผนังหัวใจจะขยายตัวออกกว้างขึ้น เนื่องจากเลือดคั่งมาก แต่กล้ามเนื้อหัวใจไม่แข็งแรง ทำให้ลิ้นหัวใจโดนยืดขยายออกจนรั่ว หรือ กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด จนไม่สามารถยึดลิ้นหัวใจไว้ได้
 
อาการและอาการแสดง
 
เหนื่อยง่าย
ผนังหัวใจหนา
นอนราบไม่ได้ ขาบวม
ใจสั่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ
เสียงฟู่ บริเวณลิ้นหัวใจ
เป็นลม หมดสติบ่อยๆ

  การตรวจพิเศษ
 
1) เอกซเรย์ และ คลื่นไฟฟ้าหัวใจ จะบอกได้ว่ามีหัวใจห้องใดโตผิดปกติ มีน้ำท่วมปอด หรือไม่ จังหวะการเต้นหัวใจปกติหรือไม่

 2) คลื่นเสียงความถี่สูง (เอคโค่) คล้ายเครื่องอัลตราซาวน์ จะเห็นการปิดเปิดของลิ้นหัวใจ การบีบตัวของกล้าม เนื้อหัวใจ รวมทั้งความรุนแรงของการตีบ หรือรั่วของลิ้น หัวใจ
 
วิดีโอแสดงการตรวจหัวใจ ด้วยเครื่อง Echocardiography
ลิ้นหัวใจรั่ว(201KB)
ลิ้นหัวใจตีบ(299KB)
3) สวนหัวใจ,ฉีดสี บอกความรุนแรงของโรคได้ อาจทำร่วมกับการขยายลิ้นหัวใจ ด้วยบอลลูน
 
วิดีโอแสดงการสวนหัวใจ และการถ่างขยายลิ้นด้วย Balloon(1142KB)
 
การรักษา
 
เลี่ยงการออกกำลังกายหักโหม
งดอาหารเค็ม บุหรี่ แอลกอฮอล์ อาหารมันจัด ถ้ากล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง ต้องจำกัดน้ำดื่ม
กินยา และไปพบแพทย์สม่ำเสมอ
ขยายลิ้นหัวใจด้วยบอลลูน
เปลี่ยนผ่าตัดลิ้นหัวใจเทียม
ถ้าต้องทำฟัน ผ่าตัด ต้องแจ้งแพทย์ว่ามีโรคลิ้นหัวใจอยู่

การป้องกัน

ตรวจสุขภาพประจำปี
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

ถ้ามีคออักเสบ ไอ เจ็บคอ ต้องกินยาให้ครบขนาดยา จนหายขาด

โดย นพ.วัธนพล พิพัฒนนันท์ อายุรแพทย์โรคหัวใจ

PSK 31 A New Radio-Teletype Mode

|0 ความคิดเห็น

PSK 31 A New Radio-Teletype Mode


PSK 31 คำว่า PSK เป็นคำย่อมาจากคำว่า Phase Shift Keying เป็นการ modulation แบบหนึ่ง ส่วนตัวเลข 31 ก็คือ bit rate (จริง ๆ แล้ว bit rate เท่ากับ 31.25 แต่ถ้าเราเรียก PSK31.25 มันจะจำยาก)
ลองมองถึงการรับส่งรหัสมอร์สก่อน การส่งรหัสจะใช้ binary code แบบง่าย ๆ binary code ก็คือ เลขฐานสอง คือมีสองค่า ในที่นี้คือ สัญญาณสั้น หรือ dits สัญญาณยาวหรือ dahs พอนำสัญญาณทั้งสองมารวมกันก็จะสามารถสื่อสารกันได้ รหัสมอร์สจะใช้ช่องว่าง (gaps) ระหว่าง ตัวอักษร และคำ
ต่อมาเมื่อเราเมื่อเรามาใช้ระบบ RTTY เราก็ยังใช้ระบบ binary data แต่เปลี่ยนจากการ ปิด / เปิด คีย์ มาเป็นการ เปลี่ยนแปลงความถี่แทน (shifting frequencies) หรือ Frequency Shift Keying (FSK) ความถี่หนึ่งเป็น mark (1) และอีกความถี่เป็น space (0) ถ้าเรานำสัญญาณทั้งสองมาจัดวางตามรูปแบบของ RTTY Code เราก็จะสามารถติดต่อสื่อสารกันได้
RTTY code ประกอบด้วย mark หรือ space จำนวน 5 หลัก (5 bits) เช่น ตัวอักษร A คือ 00011 และระหว่างตัวอักขระจะมี "start" และ "stop" pulses เป็นตัวคอยให้จังหวะ
สำหรับระบบ PSK31 นาย Peter Martinez (G3PLX) ได้นำข้อดีของ RTTY และ Morse มารวมกัน เขาได้ตั้งชื่อ code ใหม่ว่า Varicode เพราะว่า มีความหลากหลายของจำนวนบิตที่ใช้งาน นาย Peter เขาจะกำหนดให้ตัวอักษรที่ใช้บ่อยนั้นสั้นกว่าตัวที่ใช้น้อยกว่า เช่น
  • ตัวอักษร e ซึ่งใช้บ่อยในภาษา อังกฤษ Varicode ก็คือ 11
  • ตัวอักษร z ซึ่งเราใช้งานน้อยกว่า Varicode ก็คือ 111010101 เป็นต้น
ASCII, RTTY, Morse and Varicode
เปรียบเทียบระหว่าง ASCII, RTTY, Morse และ Varicode โดยส่งคำว่า TEN จะเห็นว่า Varicode ใช้เวลาในการส่งน้อย

ทดลองเล่น PSK31

 

โปรแกรมที่จะแนะนำในขั้นต้นนี้ก็มี 2 โปรแกรมคือ HamScope และ MixW สำหรับโปรแกรม hamscope เป็นโปรแกรมฟรีตัวหนึ่งที่น่าสนใจ สามารถเล่นได้หลายโหมด ที่สำคัญคือ BPSK และ QPSK สามารถ download ได้ที่นี่ เมื่อ download และทำการติดตั้งเรียบร้อยแล้วก็จะได้หน้าตาของโปรแกรมดังรูปด้านล่าง
ทดลองเล่น PSK31 โดยโปรแกรม HamScope
โปรแกรม Mix w เป็นโปรแกรมที่มีความสามารถรอบตัวโปรแกรมเดียว รวมทุกโหมด สามารถ download ได้ที่นี่ (โปรแกรม Shareware)
ทดลองเล่น PSK31 โดยโปรแกรม Mixw

ความถี่ของนักวิทยุสมัครเล่นที่ใช้สำหรับระบบ PSK31

  • ย่าน 160 เมตร ที่ความถี่ 1.81215 MHz
  • ย่าน 80 เมตร ที่ความถี่ 3.58015 MHz
  • ย่าน 40 เมตร ที่ความถี่ 7.07015 MHz
  • ย่าน 30 เมตร ที่ความถี่ 10.13715 MHz
  • ย่าน 20 เมตร ที่ความถี่ 14.07015 MHz
  • ย่าน 17 เมตร ที่ความถี่ 18.10015 MHz
  • ย่าน 15 เมตร ที่ความถี่ 21.07015 MHz
  • ย่าน 12 เมตร ที่ความถี่ 24.925 MHz
  • ย่าน 10 เมตร ที่ความถี่ 28.12015 MHz

11 METER CB RADIO Prefix List (วิทยุ 27 MHz)

|0 ความคิดเห็น

11 METER CB RADIO   Prefix List (วิทยุ 27 MHz)


ตัวอักษรที่ใช้นำหน้าชื่อ หรือ Prefix สำหรับวิทยุ CB ย่านความถี่ 27 MHz หรือ 11 มิเตอร์ ของประเทศต่าง ๆ รวมทั้งประเทศไทย (prefixes in red color are DELETED.)

PrefixEntity / CountryHAMCQ zoneITU zone
1ITALYI, IK15,3328,37
2 UNITED STATES OF AMERICA W-K 3,4,5 6,7,8
3 BRAZIL PY 11 12,13,15
4 ARGENTINA LU 13 14,16
5 VENEZUELA YV 9 12
6 COLOMBIA HK 9 12
7 NETHERLANDS ANTILLES PJ 9 11
8 PERU OA 10 12
9 CANADA VE 1,2,3,4,5 2,3,4,9,75
10 MEXICO XE 6 10
11 PUERTO RICO KP4 8 11
12 URUGUAY CX 13 14
13 GERMANY DL,DJ 14 28
14 FRANCE F 14 27
15 SWITZERLAND HB,HE 14 28
16 BELGIUM ON 14 27
17 HAWAIIAN ISLANDS KH6 31 61
18 GREECE SV 20 28
19 NETHERLANDS PA 14 27
20 NORWAY LA 14 18
21 SWEDEN SM 14 18
22 FRENCH GUYANA FY 9 12
23 JAMAICA 6Y 8 11
24 PANAMA HP 7 11
25 JAPAN JA 25 45
26 ENGLAND G 14 27
27 ICELAND TF 40 17
28 HONDURAS HR 7 11
29 IRELAND EI 14 27
30 SPAIN EA 14 37
31 PORTUGAL CT 14 37
32 CHILE CE 12 14,16
33 ALASKA KL7 1 1,2
34 CANARY ISLANDS EA8 33 36
35 AUSTRIA OE 15 28
36 SAN MARINO T7-9A1 15 28
37 DOMINICAN REPUBLIC HI 8 11
38 GREENLAND OX 40 5,75
39 ANGOLA D2 35 52
40 LIECHTENSTEIN HB0 14 28
41 NEW ZEALAND ZL 32 60
42 LIBERIA EL 35 46
43 AUSTRALIA VK 29,30 55,58,59
44 SOUTH AFRICA ZS 38 57
45 YUGOSLAVIA YU 15 28
46 EAST GERMANY Y2 14 28
47 DENMARK OZ 14 18
48 SAUDI ARABIA HZ 20 39
49 BALEARIC ISLANDS EA6 14 37
50 EUROPEAN RUSSIA UA1-6 16 19,20,29,30
51 ANDORRA C3 14 27
52 FAROER ISLANDS OY 14 18
53 EL SALVADOR YS 7 11
54 LUXEMBOURG LX 14 27
55 GIBRALTAR ZB 14 37
56 FINLAND OH 15 18
57 INDIA VU 22 41
58 EAST MALAYSIA 9M6,9M8 28 54
59 DODECANESE ISLANDS SV9 20 28
60 HONG KONG VS6 24 44
61 ECUADOR HC 10 12
62 GUAM ISLAND KH2 27 64
63 ST. HELENA ISLAND ZD7 36 66
64 SENEGAL 6W 35 46
65 SIERRA LEONE 9L 35 46
66 MAURITANIA 5T 35 46
67 PARAGUAY ZP 11 14
68 NORTHERN IRELAND GI 14 27
69 COSTA RICA TI 7 11
70 AMERICAN SAMOA ISLANDS KH8 32 62
71 MIDWAY ISLANDS KH4 31 61
72 GUATEMALA TG 7 11
73 SURINAME PZ 9 12
74 NAMIBIA ZS3 38 57
75 AZORES ISLANDS CT2 14 36
76 MOROCCO CN 33 37
77 GHANA 9G 35 46
78 ZAMBIA 9J 36 53
79 PHILIPPINE ISLANDS DU 27 50
80 BOLIVIA CP 10 12,14
81 SAN ANDRES & PROVIDENCIA HK0 7 11
82 GUANTANAMO BAY KG4 8 11
83 TANZANIA 5H 37 53
84 IVORY COAST TU 35 46
85 ZIMBABWE Z2 38 53
86 NEPAL 9N 22 32
87 YEMEN 4W 21 3949
88 CUBA CO 8 11
89 NIGERIA 5N 35 46
90 CRETE ISLAND SV5 20 28
91 INDONESIA YB 28 51,54
92 LIBYA 5A 34 38
93 MALTA 9H 15 28
94 UNITED ARAB EMIRATES A6 21 39
95 MONGOLIA JT 23 32
96 TONGA ISLANDS A3 32 62
97 ISRAEL 4X,4Z 20 39
98 SINGAPORE 9V 28 54
99 FIJI ISLANDS 3D2 32 56
100 KOREA HL 25 44
101 PAPUA - NEW GUINEA P2 28 51
102 KUWAIT 9K 21 39
103 HAITI HH 8 11
104 CORSICA TK 15 28
105 BOTSWANA A2 38 57
106 CEUTA & MELILLA EA9 33 37
107 MONACO 3A 14 27
108 SCOTLAND GM 14 27
109 HUNGARY HA 15 28
110 CYPRUS 5B 20 39
111 JORDAN JY 20 39
112 LEBANON OD 20 39
113 WEST MALAYSIA 9M2 28 54
114 PAKISTAN AP 21 41
115 QATAR A7 21 39
116 TURKEY TA 20 39
117 EGYPT SU 34 38
118 THE GAMBIA C5 35 46
119 MADEIRA ISLAND CT3 33 36
120 ANTIGUA & BARBUDA ISL V2 8 11
121 THE BAHAMAS C6 8 11
122 BARBADOS ISLAND 8P 8 11
123 BERMUDA ISLAND VP9 5 11
124 AMSTERDAM & ST. PAUL ISL FB8Z 39 68
125 CAYMAN ISLANDS ZF 8 11
126 NICARAGUA YN 7 11
127 VIRGIN ISLANDS KV4,KP2 8 11
128 BRITISH VIRGIN ISL. VP2V 8 11
129 MACQUARIE ISLANDS VKO 30 60
130 NORFOLK ISLANDS VK9N 32 60
131 GUYANA 8R 9 12
132 MARSHALL ISLANDS KX6 30 65
133 MARIANAS ISLANDS KHO 27 64
134 REPUBLIC OF BELAU V63 27 64
135 SOLOMON ISLANDS H4 28 51
136 MARTINIQUE ISLAND FM 8 11
137 ISLE OF MAN GD 14 27
138 VATICAN CITY STATE HV 15 28
139 SOUTHERN YEMEN 7O 21 39
140 ANTARCTICA FB8Y 12,13,29,30,32 67,69,70,71,72
141 ST. PIERRE & MIQUELON FP 5 9
142 LESOTHO 7P 38 57
143 ST. LUCIA ISLAND J6 8 11
144 EASTER ISLAND CE0A 12 63
145 GALAPAGOS ISLANDS HC8 10 12
146 ALGERIA 7X 33 37
147 TUNISIA 3V 33 37
148 ASCENSION ISLAND ZD8 36 66
149 LACCADIVE ISLANDS VU7 22 41
150 BAHREIN A9 21 39
151 IRAQ YI 22 39
152 MALDIVE ISLANDS 8Q 22 41
153 THAILAND HS E226 49
154 IRAN EP 21 40
155 TAIWAN BV 24 44
156 CAMEROON TJ 36 47
157 MONTSERRAT ISLAND VP2M 8 11
158 TRINIDAD & TOBAGO ISL 9Y 9 11
159 SOMALI REPUBLIC T5-60 37 48
160 SUDAN ST 34 47,48
161 POLAND SP 15 28
162 REPUBLIC OF ZAIRE 9Q 36 52
163 WALES W 14 27
164 TOGO REPUBLIC 5V 35 46
165 SARDINIA IS0 15 28
166 ST. MAARTEN, SABA & ST.E PJ7-8 8 11
167 JERSEY ISLAND GJ 14 27
168 MAURITIUS ISLANDS 3B8 39 53
169 GUERNSEY ISLAND & DEPEND GU 14 27
170 BURKINA FASO ZT 35 46
171 SVALBARD ISLANDS JW 40 18
172 NEW CALEDONIA FK 32 56
173 REUNION ISLAND FR 39 53
174 UGANDA 5X 37 48
175 CHAD REPUBLIC TT 36 47
176 CENTRAL AFRICAN REPUBLIC TL 36 47
177 SRI LANKA 4S 22 41
178 BULGARIA LZ 20 28
179 CZECHOSLOVAKIA OK 15 28
180 OMAN A4 21 39
181 SYRIA YK 20 39
182 REPUBLIC OF GUINEA 3X 35 46
183 BENIN TY 35 46
184 BURUNDI 9U 36 52
185 COMOROS ISLANDS D6 39 53
186 DJIBOUTI J2 37 48
187 KENYA 5Z 37 48
188 MALAGASY REPUBLIC 5R 39 53
189 MAYOTTE ISLAND FH 39 53
190 SEYCHELLES ISLANDS S7 39 53
191 SWAZILAND 3D6 38 57
192 COCOS ISLANDS TI9 7 12
193 COCOS - KEELING ISLANDS VK9Y 29 54
194 DOMINICA ISLAND J7 8 11
195 GRENADA ISLAND & DEPENDE J3 8 11
196 GUADALOUPE ISLANDS FG 8 11
197 VANUATU ISLANDS YJ 32 56
198 FALKLAND ISLANDS VP8 13 16
199 EQUATORIAL GUINEA 3C 36 47
200 SOUTH SHETLAND ISLANDS VP8 13 73
201 FRENCH POLYNESIA FO 32 63
202 BHUTAN A5 22 41
203 CHINA BY 23 44
204 MOZAMBIQUE C9 37 53
205 REPUBLIC OF CAPE VERDE D4 35 46
206 ETHIOPIA ET 37 48
207 ST. MARTIN ISLAND FS 8 11
208 GLORIEUSES ISLANDS FR/G 39 53
209 JUAN DE NOVA ISLAND FR/J 39 53
210 WALLIS & FUTUNA ISLANDS FW 32 62
211 JAN MAYEN ISLAND JX 40 18
212 ALAND ISLANDS OH0 15 18
213 MARKET REEF OJO 15 18
214 CONGO REPUBLIC TN 36 52
215 GABON REPUBLIC TR 36 52
216 MALI TZ 35 46
217 CHRISTMAS ISLAND VK9X 29 54
218 BELIZE V3 7 11
219 ANGUILLA ISLAND VP2E 8 11
220 ST. VINCENT ISLAND & DEP J8 8 11
221 SOUTH ORKNEY ISLANDS VP8 13 73
222 SOUTH SANDWICH ISLANDS PV8 13 73
223 WESTERN SAMOA ISLANDS 5W 32 62
224 WESTERN KIRIBATI T30 31 65
225 BRUNEI V85 28 54
226 MALAWI 7Q 37 53
227 RWANDA 9X 36 52
228 CHAGOS ISLANDS VQ9 39 41
229 HEARD ISLAND VK0 39 68
230 FEDERATED STATES OF MICRONESIA KC6 27 65
231 ST. PETER & ST. PAUL ROC PY0 11 13
232 ARUBA ISLAND P4 9 11
233 ROMANIA YO 20 28
234 AFGHANISTAN YA 22 40
235 I.T.U. GENEVA 4U 14 28
236 BANGLA DESH S2 22 41
237 UNION OF MYANMAR XZ 24 49
238 CAMBODIA XU 26 49
239 LAOS XW 26 49
240 MACAO XX9 24 44
241 SPRATLY ISLAND 1S 26 50
242 VIETNAM XV 26 49
243 AGALEGA & ST.BRANDON ISL 3B6 39 53
244 PAGALU ISLAND 3C0 36 52
245 NIGER REPUBLIC 5U 35 46
246 SAO TOME' & PRINCIPE ISL S9 36 47
247 NAVASSA ISLAND KP1 8 11
248 TURKS & CAICOS ISLANDS VP5 8 11
249 NORTHERN COOK ISLANDS ZK1 32 62
250 COOK ISLANDS ZK1 32 63
251 ALBANIA ZA 15 28
252 REVILLAGIGEDO ISLANDS XF 6 10
253 ANDAMAN & NICOBAR ISLAND VU7-4 26 49
254 MOUNT ATHOS SY 20 28
255 KERGUELEN ISLANDS FB8X 13 68
256 PRINCE EDWARD&MARION ISL ZS8 38 57
257 RODRIGUEZ ISLAND 3B9 39 53
258 TRISTAN DA CUNHA & GOUGH ZD9 38 66
259 TROMELIN ISLAND FR/T 39 53
260 BAKER & HOWLAND ISLANDS KH1 31 61
261 CHATHAM ISLANDS ZL/7 32 60
262 JOHNSTON ISLAND KH3 31 61
263 KERMADEC ISLANDS ZL/K8 32 60
264 KINGMAN REEF KH5K 31 61
265 CENTRAL KIRIBATI T31 31 62
266 EASTERN KIRIBATI T32 31 61,63
267 KURE ISLAND KH7 31 61
268 LORD HOWE ISLANDS VK9 30 60
269 MELLISH REEF VK9 30 56
270 MINAMI TORISHIMA ISLAND JD 27 64
271 REPUBLIC OF NAURU C2 31 65
272 NIUE ISLAND ZK2 32 62
273 JARVIS & PALMYRA ISLANDS KH5 31 61,62
274 PITCAIRN ISLAND VR6 32 63
275 TOKELAU ISLANDS ZK3 31 62
276 TUVALU ISLANDS T2 31 65
277 SABLE ISLAND VE1 5 9
278 WAKE ISLAND KH9 31 65
279 WILLIS ISLETS VK9Z 30 55
280 AVES ISLAND HV0 9 11
281 OGASAWARA ISLANDS JD 27 45
282 AUCKLAND & CAMPBELL ISL. ZL/9 32 60
283 ST. KITTS & NEVIS ISLAND V4 8 11
284 ST. PAUL ISLAND VE1 5 9
285 FERNANDO DE NORONHA ISLA PY0 11 13
286 JUAN FERNANDEZ ISLANDS CEOZ 12 14
287 MALPELO ISLAND HK0 10 12
288 SAN FELIX & SAN AMBROSIO CE0X 12 14
289 SOUTH GEORGIA ISLANDS VP8 13 73
290 TRINDADE & MARTIM VAZ IS PY0 11 15
291 DHEKELIA & AKROTIRI ZC4 20 39
292 ABU-AIL & JABAL-AT-TAIR A1 21 39
293 GUINEA BISSAU J5 35 46
294 PETER 1ST ISLAND 3Y 12 72
295 SOUTHERN SUDAN ST0 34 47,48
296 CLIPPERTON ISLAND FO 7 10
297 BOUVET ISLAND 3Y 38 67
298 CROZET ISLANDS FB8W 39 68
299 DESECHEO ISLAND KP5 8 11
300 WEST SAHARA-RIO DE ORO S0 33 46
301 ARMENIA UG 21 29
302 ASIATIC RUSSIA UA9-UA0 16,17,18,19,23 19-26,29-37,75
303 AZERBAIJAN UD 21 29
304 ESTONIA UR 15 29
305 FRANZ JOSEF LAND UA1 40 75
306 GEORGIA UF 21 29
307 KALININGRADSK UA2 16 29
308 KAZAKH UL7 17 29,30,31,
309 KIRGHIZ UM 17 30,31
310 LATVIA UQ 15 29
311 LITHUANIA UP 15 29
312 MOLDAVIA UO 16 29
313 TADZHIK UJ 17 30
314 TURKOMAN UH 17 30
315 UKRAINE UB 16 29
316 UZBEK UI 17 30
317 WHITE RUSSIA UC 16 29
318 SURVEY MILITARY OF MALTA 1A 15 28
319 UNITED NATIONS NEW YORK 4U 5 8
320 BANABA ISLAND T33 31 65
321 CONWAY REEF 3D2 32 56
322   WALVIS BAY ZS9-1 38 57
323 YEMEN REPUBLIC 7O 21,37 39,48
324 PENGUIN ISLANDS ZS9/0 30 57
325 ROTUMA ISLAND 3D2 32 56
326 MALYJ VYTSOTSKJ 4J 16 29
327 SLOVENJA S5 15 28
328 CROATIA 9A 15 28
329 CZECH REP. OK 15 28
330 SLOVAK REP. OM 15 28
331 BOSNIA 4N4 15 28
332 MAKEDONIA 4N5 15 28
333 ERITREA E3 15 48
334 NORTH KOREA P5 37 14
335 PRATAS ISLAND BS7 25 50
336 SCARBOROUGH REEF BV9 27 44
337 AUSTRAL ISLANDS FO0A 32 63
338 MARQUESAS ISLANDS FO0M 32 63
339 TEMOTU H40 28 51
340 PALESTINA E4 20 39