วันจันทร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

AHA ปรับสภาพผิวและลดริ้วรอยได้จริงหรือ?

AHA ปรับสภาพผิวและลดริ้วรอยได้จริงหรือ?


       AHA ชื่อเต็ม Alphahydroxy Acids ซึ่งเป็นสารที่สกัดจากผลไม้หลายอย่าง หรือรวมเรียกว่ากรดผลไม้ (Fruit Acids) ประกอบด้วย
  • Glycolic Acid สกัดจากอ้อย
  • Lactic Acid สกัดจากนมเปรี้ยว
  • Malic acid สกัดจากแอ๊ปเปิ้ล
  • Tartaric Acid สกัดจากองุ่น
  • Citric Acid สกัดจากผลไม้รสเปรี้ยว เช่นมะนาว เป็นต้น


AHA มีผลอย่างไรต่อผิว?

      AHA จะไปทำลายแรงยึดเกาะระหว่างชั้นขี้ไคล และชั้นเซลล์คีราติโนไซต์  ทำให้ขี้ไคลลอกหลุดได้ง่ายขึ้น และกระตุ้นให้เซลล์ใหม่ในชั้นล่าง (เซลล์คีราติโนไซต์) ขึ้นมาแทนที่ ทำให้ผิวหน้าเรียบเนียบขึ้น เพราะมีเซลล์ใหม่มาทดแทน (ให้อ่านเรื่อง กายวิภาคของผิวหนังและหน้าที่ เพิ่มเติมจะเข้าใจง่ายขึ้น)
      นอกจากนี้ AHA ยังกระตุ้นให้มีการสร้างคอลลาเจนในชั้นหนังแท้เพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวพรรณเต่งตึงขึ้น ลดริ้วรอยเหี่ยวย่น และทำให้ผิวไม่หย่อนยาน   การปรับสภาพผิวหนัาด้วย AHA นอกจากจะทำให้ใบหน้าสดใส นุ่มนวลเกลี้ยงเกลา แลดูอ่อนเยาว์ ผิวพรรณเต่งตึงขึ้น   ยังช่วยในการรักษารอยตกกระ, รอยด่างดำ, ฝ้า, รอยเหี่ยวย่นตื้นๆ สิวเล็กๆ สิวเสี้ยน ได้ด้วย
      ชั้นขี้ไคลนี้ ถ้าเกาะติดกันแน่นและไม่ลอกหลุดตามเวลาที่ควร ก็จะไปอุดตันตามรูขุมขน เกิดเป็นสิวเสี้ยนตามมา และเป็นสาเหตุของสิวอักเสบได้   ดังนั้นการใช้กรด AHA ก็จะไปเร่งการผลัดเซลล์ผิวในชั้นนี้ได้ จึงช่วยสลายสิวเสี้ยนได้


เคล็ดลับในการใช้ AHA ให้ได้ประโยชน์สูงสุด

  • AHA มีหลายชนิด จะเลือกใช้ตัวไหนดี?
แนะนำให้ใช้ Glycolic acid หรือ Lactic acid เพราะมีการศึกษาค้นคว้ามามากกว่าตัวอื่น  
นอกจากนั้น Glycolic acid ยังเป็นตัวที่มีโมเลกุลเล็กที่สุด ทำให้สามารถถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ดีกว่าตัวอื่น   ส่วน Lactic acid เหมาะสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องผิวแพ้ง่ายและแห้ง
  • AHA มักจะทำให้ผิวระคายเคืองได้ ควรแก้อย่างไร?
AHA มีฤทธิ์เป็นกรด (ออกฤทธิ์ได้ดีที่ pH 3 ถึง 5)   ถ้าpH สูงกว่านี้จะไม่มีฤทธิ์ช่วยในการลอกหลุดของเซลล์ผิวหนัง   และถ้าเลือกใช้ที่ pH ตํ่ากว่านี้ ก็จะระคายเคืองต่อผิวมากเช่นกัน
  • AHA พบว่านำมาใช้ในเครื่องสำอางหลายชนิดได้?
ได้ครับ เพราะไม่ใช่ยา จึงพบว่ามีการนำมาใช้เป็นส่วนประกอบในเครื่องสำอางหลายชนิด  
ความเข้มข้นที่ใช้ในเครื่องสำอางจะอยู่ระหว่าง 1 ถึง 15%   ถ้าความเข้มข้นที่ตํ่ากว่า 4% ไม่ค่อยจะได้ผล

ส่วนความเข้มข้นที่สูงกว่านี้ จะมีผลข้างเคียงมาก แต่ก็เห็นผลเร็ว และควรจะอยู่ในการดูแลของแพทย์ หรือคนที่เคยได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี
ความเข้มข้นที่มากกว่า 8% ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง หรือปรึกษาแพทย์
(แพทย์ผิวหนังมีการใช้ ในความเข้มข้นสูงถึง 30 - 70% ในการลอกเซลล์ผิวที่หน้าและลดริ้วรอย)
  • ควรใช้ทาอย่างไรดี?
มีวิธีการใช้หลายอย่าง แต่จะขอแนะนำวิธีใช้ง่ายๆ ดังนี้   ทาวันละครั้งในตอนเช้าหรือก่อนนอนก็ได้   ก่อนทาล้างให้หน้าสะอาด ทิ้งไว้ให้แห้งประมาณ 15 นาที (ถ้าทาในขณะที่หน้ายังไม่แห้งสนิท จะรู้สึกยิบยิบที่หน้าได้)
หลังจากทา AHA ผิวอาจจะแห้ง มีขุยได้   ขุยพวกนี้ก็คือขี้ไคลนั่นเอง ที่ลอกหลุดออกออกมา
  • AHA หลังจากทาแล้ว ต้องดูแลผิวอย่างไร?
เนื่องจาก AHA จะไปผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวที่มาทดแทนไวต่อแสงแดดมากขึ้น อาจจะมีอาการแดงร้อนในบริเวณที่ทา จึงแนะนำให้ทาครีมกันแดดเป็นประจำ
      บทนี้เป็นการแนะนำให้คุณได้รู้จัก AHA ในขั้นพื้นฐาน   ต่อไปผมจะแนะนำลงรายละเอียด ถึงขั้นตอนการทำทรีตเมนต์ และตัวยาที่จะต้องใช้มีอะไรบ้าง   หลังจากทำแล้วต้องดูแลตัวเองอย่างไร   รวมไปถึงการทำทรีตเมนต์ที่บ้านด้วยตนเองให้ปลอดภัยต้องทำอย่างไร
      ผมบอกแล้วว่า คุณไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ แต่คุณก็สามารถจะใช้เครื่องมือพวกนี้ให้เป็นประโยชน์ได้   ถ้าคุณมีแหล่งความรู้ที่น่าเชื่อถือและศึกษามาดีพอ -- และมีผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์   แค่นี้คุณก็อุ่นใจได้... จริงมั้ยครับ?

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น