แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ battery แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ battery แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

จะเลือกซื้อ UPS คิดว่ารู้จัดมันดีพอแล้วหรือยัง?

|0 ความคิดเห็น
จะเลือกซื้อ UPS คิดว่ารู้จัดมันดีพอแล้วหรือยัง?
 
หลักเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกซื้อ UPS
ขนาดกำลังไฟฟ้า (VA) ที่อุปกรณ์ไฟฟ้าประเภทดังกล่าวใช้เป็นเท่าไร?
ขนาดกำลังไฟฟ้าที่อุปกรณ์ไฟฟ้าใช้ จะต้องไม่สูงกว่ากำลังไฟฟ้าที่ UPS สามารถจ่ายได้ เช่น คอมพิวเตอร์ และจอสี 17 นิ้ว ใช้กำลังไฟประมาณ 300 VA ดังนั้น ควรเลือกใช้ UPS ขนาดกำลังไฟ 300 VA ขึ้นไป

ต้องการให้ UPS จ่ายพลังงานสำรองได้นานเท่าไร? (Backup Time)
โดยทั่วไป Backup Time จะมีความสัมพันธ์กับขนาดกำลังไฟฟ้าของ UPS และขนาดกำลังไฟฟ้าของอุปกรณ์ไฟฟ้า เช่น UPS ขนาด 350 - 500 VA ซึ่งใช้แบตเตอรี่ 7 Ah จะสามารถจ่ายไฟให้กับคอมพิวเตอร์ และจอสี 15 นิ้ว 1 จอ ได้นาน 15 - 30 นาที และหากเป็น UPS ที่ใช้แบตเตอรี่ชนิด High-Rate จะสามารถสำรองไฟฟ้าได้ 25 - 40 นาทีเลยทีเดียว (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้งาน)

มีซอฟต์แวร์พิเศษหรือไม่?
ซอฟต์แวร์พิเศษสำหรับ UPS นี้มีไว้เพื่อตรวจสอบสภาวะทางไฟฟ้าและการทำงานของ UPS โดยการสื่อสารระหว่าง UPS กับคอมพิวเตอร์ จะมีสายข้อมูลเชื่อมต่อกัน โดยทั่วไป ผู้ใช้มักไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องซอฟต์แวร์พิเศษนี้ เพราะอาจจะไม่ทราบถึงประโยชน์ ดังนั้น จะขอยกตัวอย่าง เช่น กรณีเกิดไฟดับเป็นระยะเวลานานจนพลังงานไฟฟ้าในแบตเตอรี่ของ UPS หมด โดยที่ไม่สามารถ Shutdown คอมพิวเตอร์ได้ ถ้ามีซอฟต์แวร์พิเศษนี้จะช่วยบันทึกข้อมูลสำคัญไว้ (Auto Save) และทำการ Shutdown คอมพิวเตอร์ของคุณให้ก่อนที่แบตเตอรี่ของ UPS จะหมดลง

การคำนวณขนาดของ UPS
การคำนวณขนาดกำลังจ่ายของ UPS ที่เหมาะสมกับอุปกรณ์ไฟฟ้า ให้ปฏิบัติดังนี้

  1. ทำรายการอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะต่อพ่วงกับระบบ UPS ทั้งหมด เช่น คอมพิวเตอร์, จอ, โมเด็ม, สแกนเนอร์ และอุปกรณ์ที่จำเป็นอื่นๆ
  2. อุปกรณ์ไฟฟ้าแต่ละชนิดจะมีป้ายแสดงค่าพิกัดกำลัง (Nameplate) เพื่อระบุถึงแรงดันไฟฟ้า และกระแสไฟฟ้าที่ต้องการสำหรับใช้งาน โดยทั่วไปจะอยู่ที่ด้านหลังของเครื่อง
    • ให้คำนวณค่า VA โดยคูณค่า Volt และ Amps เข้าด้วยกัน
    • อุปกรณ์ไฟฟ้าบางชนิดอาจให้ค่ามาในรูปของพลังงานไฟฟ้าในหน่วยวัตต์ (Watt-W)
      ให้แปลงกลับเป็นค่า VA โดยการคูณค่าวัตต์ด้วย 1.4
  3. รวมค่า VA ของอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดในรายการที่จะต่อพ่วงกับระบบ UPS
  4. เลือก UPS ที่จะสามารถจ่ายไฟได้พอเพียงต่อระดับค่า VA ของอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมด
ตัวอย่างการคำนวณ
ต้องการคำนวณขนาดของ UPS ที่สามารถใช้กับ คอมพิวเตอร์ ขนาด 220 V 1.5 A, เครื่องพิมพ์ Inkjet ขนาด 50 Watt และโมเด็ม ขนาด 20 Watt
จากสูตร
จะได้ว่า
    • VA ของคอมพิวเตอร์ ขนาด 220 V 1.5 A = 220 x 1.5 = 330 VA
    • VA ของเครื่องพิมพ์ Inkjet ขนาด 50 Watt = 50 x 1.4 = 70 VA
    • VA ของโมเด็ม ขนาด 20 Watt = 20 x 1.4 = 28 VAVA รวม = 330 + 70 + 28 = 428 VA
    ดังนั้นขนาดของ UPS ที่สามารถต่อพ่วงกับคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ดังกล่าวได้อย่างปลอดภัย คือ 428 VA ขึ้นไป (หรือตรงกับผลิตภัณฑ์ LEONICS UPS รุ่น GREEN, OA Extra 525, ACURA 525 และ ASTRA 525)
หมายเหตุ:โดยทั่วไปหากเลือก UPS ที่มีกำลัง VA เท่ากับค่า VA รวมของอุปกรณ์ไฟฟ้าที่จะนำไปต่อพ่วงทั้งหมด UPS จะจ่ายไฟที่ Full Load และจะทำการจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองได้ประมาณ 5 นาทีเท่านั้น หากต้องการระยะเวลาการจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองที่เพิ่มขึ้น ต้องขยายค่า VA ของ UPS หรือเพิ่มจำนวนแบตเตอรี่ให้มากขึ้น
 ที่มา http://wanrat.exteen.com/20080229/ups

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ UPS

|0 ความคิดเห็น
ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับ UPS
ความหมายของ UPS
UPS เป็นคำย่อมาจากคำว่า Uninterruptible Power Supply หรือ "เครื่องสำรองไฟฟ้าและปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ" ถ้าแปลตรงตัว หมายถึง แหล่งจ่ายพลังงานต่อเนื่อง
อาจกล่าวได้ว่า UPS ก็คือ อุปกรณ์ไฟฟ้าชนิดหนึ่งที่สามารถทำการจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ได้อย่างต่อเนื่องแม้ในเวลาที่เกิดไฟดับหรือเกิดปัญหาแรงดันไฟฟ้าผันผวนผิดปกติ โดย UPS จะทำการปรับระดับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่อยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์
UPS มีหน้าที่หลัก คือ ป้องกันความเสียหายที่สามารถเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ (โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์เชื่อมต่อ) อันมีสาเหตุจากความผิดปกติของพลังงานไฟฟ้า เช่น ไฟตก, ไฟดับ, ไฟกระชากและไฟเกิน เป็นต้น รวมถึงมีหน้าที่ในการจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองจากแบตเตอรี่ให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์เมื่อเกิดปัญหาทางไฟฟ้า

หลักการทำงานทั่วไปของ UPS
โดยทั่วไปแล้ว เมื่อ UPS รับพลังงานไฟฟ้าเข้ามา ไม่ว่าคุณภาพไฟฟ้าจะเป็นอย่างไรก็จะสามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าได้เป็นปกติ รวมถึงทำการจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองที่เก็บไว้ในแบตเตอรี่ให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า ซึ่งหลักการของ UPS ก็คือ ใช้วิธีการแปลงไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) เป็นไฟฟ้ากระแสตรง (DC) แล้วเก็บสำรองไว้ในแบตเตอรี่ส่วนหนึ่ง และในกรณีที่เกิดปัญหาทางไฟฟ้า (เช่น ไฟดับ หรือคุณภาพไฟฟ้าผิดปกติ เป็นต้น) อุปกรณ์ไฟฟ้าไม่สามารถใช้พลังงานไฟฟ้าที่รับมาได้ UPS ก็จะเปลี่ยนไฟฟ้ากระแสตรง (DC) จากแบตเตอรี่ ให้กลายเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) แล้วจึงจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าตามปกติ
ส่วนประกอบสำคัญของ UPSUPS ประกอบไปด้วย
  1. เครื่องประจุแบตเตอรี่ (Charger) หรือ เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า AC เป็น DC (Rectifier) ทำหน้าที่รับกระแสไฟฟ้า AC จากระบบจ่ายไฟ แปลงเป็นกระแสไฟฟ้า DC จากนั้นประจุเก็บไว้ในแบตเตอรี่
  2. เครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ทำหน้าที่รับกระแสไฟฟ้า DC จากเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า AC เป็น DC หรือแบตเตอรี่ และแปลงเป็นกระแสไฟฟ้า AC สำหรับใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์
  3. แบตเตอรี่ (Battery) ทำหน้าที่เก็บพลังงานไฟฟ้าสำรองไว้ใช้ในกรณีเกิดปัญหาทางไฟฟ้า โดยจะจ่ายกระแสไฟฟ้า DC ให้กับเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าในกรณีที่ไม่สามารถรับกระแสไฟฟ้า AC จากระบบจ่ายไฟได้
  4. ระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (Stabilizer) ทำหน้าที่ปรับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่และสม่ำเสมออยู่ในระดับที่ปลอดภัยต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า
ประโยชน์ของ UPS
UPS สามารถช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ (โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ) อันเนื่องมาจากกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติได้ (เช่น จากความบกพร่องของระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าเอง หรือปรากฏการณ์ธรรมชาติ - ฝนตกฟ้าคะนอง พายุฝน หรือจากการรบกวนของอุปกรณ์ไฟฟ้าในอาคารที่ใช้กระแสไฟฟ้าไม่สม่ำเสมอ ฯลฯ) ซึ่งกระแสไฟฟ้าที่ผิดปกติในแต่ละประเภท อาจก่อให้เกิดปัญหาต่างๆ ได้ โดย UPS จะทำหน้าที่ป้องกัน ดังนี้
  • จ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ เมื่อเกิดไฟดับหรือไฟตก เพื่อให้มีเวลาสำหรับการ Save ข้อมูล และไม่ทำให้ floppy disk และ hard disk เสีย
  • ปรับแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ เมื่อเกิดปัญหาทางไฟฟ้า เช่น ไฟตก, ไฟดับ, ไฟกระชาก และไฟเกิน เป็นต้น
  • ป้องกันสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าที่สามารถสร้างความเสียหายต่อข้อมูลและอุปกรณ์ไฟฟ้าได้
ชนิดของ UPS
UPS แบ่งออกเป็น 3 ชนิด ดังนี้

  1. Offline UPS หรือ Standby UPS
สภาวะไฟฟ้าปกติ อุปกรณ์ไฟฟ้า (Load) จะได้รับพลังงานไฟฟ้าจากระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้า (Main) จากการไฟฟ้าโดยตรง ในขณะเดียวกัน เครื่องประจุกระแสไฟฟ้า (Charger) จะทำการประจุกระแสไฟฟ้าให้กับแบตเตอรี่ไปด้วย แต่เวลาที่ไฟฟ้าดับ แบตเตอรี่จะจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) เพื่อแปลงกระแสไฟฟ้าและจ่ายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยใช้ตัวสับเปลี่ยน (Transfer Switch) สำหรับเลือกแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าระหว่างระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าหรือเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า
กรณีที่สภาวะไฟฟ้าปกติหรือกระแสไฟฟ้าผิดปกติเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่สั้นมากจนตัวสับเปลี่ยน (Transfer Switch) สลับแหล่งจ่ายไฟฟ้าไม่ทัน พลังงานไฟฟ้าที่จ่ายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าจะมาจากระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าโดยตรง ดังนั้น ถ้าคุณภาพไฟฟ้าจากระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้าไม่ดี (เช่น ไฟตก, ไฟดับ, ไฟกระชาก หรือมีสัญญาณรบกวน ฯลฯ) อุปกรณ์ไฟฟ้าก็จะได้รับพลังงานไฟฟ้าคุณภาพไม่ดีเช่นเดียวกัน
เนื่องจาก UPS ชนิดนี้ถูกออกแบบให้ป้องกันกรณีเกิดไฟดับเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ไม่สามารถป้องกันปัญหาแรงดันไฟฟ้าที่ผันผวนและสัญญาณรบกวนได้ จึงทำให้มีราคาถูกกว่า UPS ชนิดอื่นๆ และไม่เหมาะกับการใช้งานในบางพื้นที่ เช่น สถานที่ใกล้แหล่งกำเนิดกระแสไฟฟ้า อาทิ เขื่อน, สถานีไฟฟ้า และสถานีไฟฟ้าย่อย เป็นต้น รวมถึงไม่เหมาะกับการใช้งานในประเทศไทยด้วย เนื่องจากเกิดไฟตกบ่อยครั้ง

คุณสมบัติของ Offline UPS หรือ Standby UPS
  • ราคาถูก
  • ป้องกันปัญหาไฟดับได้เพียงอย่างเดียว
  • ไม่เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ที่อยู่ใกล้แหล่งกำเนิดไฟฟ้า, สถานีไฟฟ้า และโรงงานอุตสาหกรรม ฯลฯ
  • อายุการใช้งานของแบตเตอรี่และ UPS สั้น
  1. Online Protection UPS หรือ Line Interactive UPS with Stabilizer
จากผังแสดงการทำงาน จะพบว่า มีความคล้ายคลึงกับ Offline UPS มาก แต่จะมีส่วนที่เพิ่มขึ้นมา คือ ระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (Stabilizer) ในขณะที่สภาวะไฟฟ้าปกติ อุปกรณ์ไฟฟ้า (Load) จะได้รับพลังงานไฟฟ้าจากระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้า (Main) จากการไฟฟ้า โดยผ่านระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัตินี้ ซึ่งจะมีหน้าที่รักษาระดับแรงดันไฟฟ้าให้คงที่ ป้องกันปัญหาไฟตก, ไฟเกิน และไฟกระชาก เป็นต้น พร้อมกันนี้ เครื่องประจุกระแสไฟฟ้า (Charger) ก็จะทำการประจุกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ในแบตเตอรี่ เมื่อไฟฟ้าดับจะจ่ายพลังงานให้กับเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) ทำการแปลงกระแสไฟฟ้า และจ่ายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า โดยใช้ตัวสับเปลี่ยน (Transfer Switch) สำหรับเลือกแหล่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าระหว่างระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติหรือเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า
UPS ชนิดนี้ถูกพัฒนามาจาก Offline UPS โดยเพิ่มระบบป้องกันแรงดันไฟฟ้าสูงหรือต่ำอัตโนมัติ (Stabilizer) เพื่อป้องกันปัญหาทางไฟฟ้า ช่วยให้ UPS ไม่จำเป็นต้องจ่ายพลังงานไฟฟ้าสำรองจากแบตเตอรี่ทุกครั้งที่ไฟตกหรือไฟเกินไม่มากนัก
Online Protection UPS หรือ Line Interactive UPS with Stabilizer จัดได้ว่าเป็น UPS ที่นิยมมากที่สุดในประเทศไทยขณะนี้ ราคาไม่แพงและคุณภาพไฟฟ้าที่ได้อยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้

คุณสมบัติของ Online Protection UPS หรือ Line Interactive UPS with Stabilizer
  • ราคาไม่แตกต่างจาก Offline UPS หรือ Standby UPS
  • เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่ที่มีความผันผวนของแรงดันไฟฟ้ามากๆ เช่น ประเทศไทย, พม่า, ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ฯลฯ
  • ไม่เหมาะสำหรับนำไปใช้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าที่มีความไวต่อคุณภาพของกระแสไฟฟ้ามากๆ เช่น เครื่องมือแพทย์และเครื่องจักรในโรงงาน ฯลฯ
  • มีระบบปรับแรงดันไฟฟ้าอัตโนมัติ (Stabilizer) เพื่อป้องกันปัญหาไฟเกินและไฟตก
  • สัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าบางอย่างที่ไม่เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้ายังสามารถผ่านเข้าไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้าได้
  • อายุการใช้งานของแบตเตอรี่และ UPS ยาวนาน
  1. True Online UPS
จากผังแสดงการทำงาน จะพบว่า True Online UPS เป็น UPS ที่มีศักยภาพสูงสุด กล่าวคือ เครื่องประจุกระแสไฟฟ้า (Charger) และเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้า (Inverter) จะทำงานตลอดเวลา ไม่ว่าคุณภาพไฟฟ้าจะเป็นอย่างไร ก็สามารถจ่ายพลังงานไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้า (Load) ได้ตามปกติ ยกเว้นกรณีเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าเสีย จึงจะจ่ายพลังงานไฟฟ้าจากระบบจ่ายพลังงานไฟฟ้า (Main) จากการไฟฟ้าไปยังอุปกรณ์ไฟฟ้า (แต่ไม่ควรใช้งานต่อไปหากเครื่องแปลงกระแสไฟฟ้าเสีย)
True Online UPS เป็น UPS ที่มีศักยภาพสูงที่สุดในจำนวน UPS ที่มีใช้งานอยู่ สามารถป้องกันปัญหาทางไฟฟ้าได้ทุกกรณี ไม่ว่าจะเป็น ไฟดับ, ไฟตก, ไฟเกิน หรือสัญญาณรบกวนใดๆ และให้คุณภาพไฟฟ้าที่ดี ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้ UPS ชนิดนี้มีราคาสูงกว่า UPS ชนิดอื่นๆ

คุณสมบัติของ True Online UPS
  • ราคาค่อนข้างสูง
  • มีศักยภาพสูงสุด สามารถป้องกันปัญหาทางไฟฟ้าได้ทุกกรณี
  • ไฟฟ้ากระแสสลับที่อุปกรณ์ไฟฟ้าจะได้รับจาก UPS ชนิดนี้ จะเป็นไฟฟ้าที่มีคุณภาพสูง มีความเที่ยงตรงของระดับแรงดันไฟฟ้า และปราศจากสัญญาณรบกวนใดๆ
  • กรณีไฟฟ้าดับหรือขาดช่วง UPS จะนำพลังงานสำรองในแบตเตอรี่มาแปลงเป็นไฟฟ้ากระแสสลับเพื่อจ่ายให้แก่อุปกรณ์ไฟฟ้าได้ในทันที
การนำ UPS ไปใช้งานด้านต่างๆ
หากการใช้งานใดที่มีจุดประสงค์เพื่อสำรองพลังงานไฟฟ้าสำหรับจ่ายให้กับอุปกรณ์ไฟฟ้าและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคส์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอมพิวเตอร์ ในเวลาที่เกิดไฟดับหรือไฟตก หรือเพื่อปรับแรงดันไฟฟ้าให้อยู่ในระดับที่ไม่เป็นอันตรายต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า เมื่อเกิดปัญหาทางไฟฟ้า หรือเพื่อป้องกันสัญญาณรบกวนทางไฟฟ้าที่อาจสร้างความเสียหายต่อข้อมูลและอุปกรณ์ไฟฟ้า สามารถนำ UPS ไปใช้งานได้

ที่มา http://www.leonics.co.th

วันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

How to replace battery cells inside laptop battery

|0 ความคิดเห็น

How to replace battery cells inside laptop battery

In the last article, we have introduced "how to hack dead laptop battery" to our readers, but it is too simple. Now we write a detail article about " how to replace battery cells inside laptop battery".


At present, there are many articles about "how to purchase and use laptop battery" on the network , but there are too less article about "how to repaire laptop battery". For this reason, we decided to write a article about,laptop battery repair industry to help notebook users know what to do when laptop battery broken.


To notebook the battery is very important as the mobile work. The notebook become to desktop without laptop battery. There are battery cells and protection board in laptop battery inside. The batteries cells supply the power and the proctection panels protect the board safety when charging. Battery cells are consumable items, the capacity reduce in each using, which directly determine the quality of notebook batteries.


Notebook battery life short suddenly , cant work, laptop battery down suddenly (such as: battery capactiy suddenly reduce from 40% to 10% when working), laptop battery cant be fully charged,notebook battery cant be fully discharged (the notebook closed when the battery power state in 40% or more), the above cases may be caused by batteries capacity declining or batteries cells damage. Of course, there may be due to damage of the protection board, but this possibility is very small.


laptop battery cells


If you find that above failure happened to your notebook, it is necessary to check your laptop battery in laptop battery maintenance business. Now, let me introduce the whole process of laptop battery cells changing (for example Thinkpad T40 battery) .
First, we use professional equipment to detect the cause of the malfunction. There are many types equipment of Battery Fault Detection, such as: Texas Instruments products, MAX products, Ateml products, and even some personal home-made products. Most we use the commonly Texas Instruments (Texas) EV2300


Use professional equipment and related software to detect the cause of the malfunction


Battery Fault Detection


Texas Instruments EV2300


Once detected 92P1101 battery cells faulty , we are prepare to change the batteries cells for notebook battery.


Before the battery cells changing, We would like to tell you about the structure of the notebook battery.


The 92P1102 laptop battery are made up of three parts: batetry shell, battery cells and protection board.


In general, notebook battery can be divided into three parts: the shell, batteries and protection board。


Battery shell


Battery shell. That is notebook battery casing. There are different three types: type, ultrasonic bonding and adhesive bonding type.


08K8193 Batteries cell



Batteries cells group, that is, combination the batteries cells together in parallel and series connection. In accordance with the parallel, in series of different combinations can be divided into: 2 parallel and 3 serial connection (the most common), 2 parallel and 4 serial, 2 parallel and 2 serial, 3 serial and 3 parallel and 3 parallel and 4 serial (relatively rare).


Protection panel



Protection board, which is based on an agreement SMB1.1 circuit board, with power management functions and charge-discharge management.
Protection board, which is based on an agreement SMB1.1 circuit board. There are three chips on it : battery Measurement management chip, charge and discharge management chip and serial EEPROM memory chips


08K8192 Protection board


On positive plate : measuring management chip and charge-discharge management chip


The plate back has a serial EEPROM memory chips


Decrypt and unlock the protection board are two different works. Before you go into the battery management system you must decrypt the protection board, unlock the battery management system in order to change the parameters of the battery and use of information. If you only change batteries cells without unlock, you can not achieve satisfactory results (for example: the battery can only charge to the state "the last full charge capacity", the battery maintenance management information will be displayed the charged number)
We use professional equipment and related software to unlock and decrypt the protection board. Of course, you must choose the appropriate equipment by 92P1087 battery management chip design.


use professional equipment and related software to unlock and decrypt the protection board





choose the appropriate equipment by battery management chip design


related software for unlock and decrypt the protection board


Programmer


If the protection board hardware damaged , we would also use oscilloscope, multimeter and logic analyzer


oscilloscope, multimeter


logic analyzer


After the deal with the batteries protection board , let me introduce the method to choose the right cells. We must use sub-meter cabinet and the internal resistance to check batteries capacity resistance, separation voltage, select out all specs of parameters for comparison with similar groups. Also the thinkpad R50 battery
thinkpad T41 battery
thinkpad T42 battery
thinkpad T43 battery is the same battery cells.


Sub-capacity cabinet


Sub-capacity cabinet manage software





Select the similar cells to make a battery group


Then we will use the spot-welding and Nickel sheet to joint the batteries cells together.


spot-welding


use the spot-welding and nickel films to joint the 92P1011 batteries cells together


The Nickel sheet we use are designed in round corner


round corner and straight angle [dgdg:title=Nickel shee]t


After unlock and decrypt the protection board, connect the battery cells group. We can assemble the shell protection board and cells together.





assemble the shell protection board and cells together


During the assemble, you must take high attention. The steps is also suitable for IBM 40Y6795
40Y6797 40Y6799


After doing the above steps, the battery cells changing is compeleted. The repaired battery quality is the new battery in most function, so you must calibrate it first. Generally, you should fully charged in 1o hours then full discharge it 2-3 times.

วันอาทิตย์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

Charge แบตเตอรี่อย่างไร? ให้ใช้งานได้นานๆ

|0 ความคิดเห็น
Charge แบตเตอรี่อย่างไร? ให้ใช้งานได้นานๆ

แน่นอนครับว่าการชาร์ตแบตเตอรี่อย่างถูกวิธีนั่นจะช่วยยืดอายุการใช้งานของแบตเตอรี่ ไม่ให้เสื่อมสภาพเร็วเกินไป แต่ผู้ใช้งานมักจะสับสนว่าวิธีชาร์ตที่ถูกต้องนั้นต้องทำอย่างไร เพราะบางคนก็บอกว่าต้องแบตฯ หมดแล้วค่อยชาร์ต บางคนก็บอกว่าชาร์ตได้เลยไม่ต้องรอให้แบตฯ หมดแต่ต้องชาร์ตให้เต็มแล้วค่อยเอามาใช้ หรือบางคนก็บอกว่าชาร์ตยังไงก็ได้จะเสียบเข้าเสียบออกกี่ครั้งก็ได้ตามใจ


ในหัวข้อนี้ผู้เขียนจะมาไขความจริงเกี่ยวกับแบตเตอรี่ให้กระจ่าง ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าแบตเตอรี่แบบชาร์ตไฟใหม่ได้ ที่มีใช้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มีอยู่ 4 ประเภทครับ ซึ่งแต่ละประเภทก็มีวิธีดูแลรักษาและการชาร์ตที่ต่างกัน ดังนั้นควรดูให้แน่ใจว่าแบตเตอรี่ของคุณเป็นแบตฯ ประเภทไหน โดยดูจากข้อความที่ติดอยู่บนตัวแบตเตอรี่ หรือถ้าไม่สามารถถอดออกมาดูได้ก็ให้สอบถามไปยังผู้ผลิตอุปกรณ์ว่าแบตเตอรี่ที่แถมมานั้นเป็นแบบใด


แบตเตอรี่แบบ Nickel-cadmium (Ni-Cd หรือ Ni-Cad)


-         ใช้ไฟให้หมดเกลี้ยงก่อนแล้วจึงค่อยทำการชาร์ตไฟใหม่
-         ไม่ควรชาร์ตแบบเร็ว (Quick Charge)
-         นำแบตเตอรี่ออกจากที่ชาร์ตทันทีหลังจากชาร์ตเต็มแล้ว




 




แบตเตอรี่แบบ Nickel metal hydride (NiMH)


- การชาร์ตเหมือนกับ Ni-Cd ทุกประการ  แต่สามารถใช้งานกับเครื่องชาร์ตแบบเร็ว (Quick Charge) ได้


- ไม่ควรใช้กับเครื่องชาร์ตที่ไม่ตัดไฟเมื่อแบตเตอรี่เต็มหรือเครื่องชาร์ตที่จ่ายกำลังไฟน้อยกว่ามาตรฐาน

- ในอุปกรณ์ที่ใช้แบตเตอรี่ NiMH หลายก้อนพร้อมกัน เมื่อแบตเตอรี่หมด ต้องนำแบตเตอรี่มาชาร์ตไฟใหม่ทันที

- ในการใช้งานครั้งแรก หรือการใช้งานแบตเตอรี่เก่าเก็บไว้ไม่ได้ใช้งาน ต้องชาร์ตแบตเตอรี่ให้เต็มและใช้งานให้หมดไฟ 3-4 ครั้ง เพื่อกระตุ้นเซลล์แบตเตอรี่จึงจะได้ความจุแบตเตอรี่เต็มเหมือนปกติ



 


แบตเตอรี่แบบ Lithium ion (Li-Ion)



- เป็นแบตเตอรี่ที่ไม่เกิด Memory Effect และไม่ต้องดูแลรักษาระหว่างใช้งานมากเหมือนแบตเตอรี่ชนิดอื่นๆ


- สามารถชาร์ตได้บ่อยครั้งตามต้องการโดยไม่มีผลทำให้แบตเตอรี่เสื่อม

- สามารถชาร์ตแบตเตอร์รี่ค้างเอาไว้นานตามต้องการโดยไม่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อม

- อายุการใช้งานของแบตเตอรี่แบบ Li-Ion ไม่ขึ้นกับวิธีการชาร์ต และจำนวนครั้งที่ชาร์ต เพราะแบตเตอรี่แบบนี้จะเสื่อมลงเองตามระยะเวลา โดยเริ่มเสื่อมตั้งแต่วันผลิตออกจากโรงงาน

- แบตเตอรี่แบบ Li-Ion ไม่ควรใช้งานจนกระทั้งแบตเตอรี่หมดไฟ


แบตเตอรี่แบบ Lithium ion polymer (Li-Poly หรือ LiPo)  


การดูแลรักษาและอายุการใช้งานเหมือนกับ Lithium ion (Li-Ion) (สามารถชาร์ตไฟได้บ่อยตามที่ต้องการ และมีอายุการนับตั้งแต่วันที่ผลิตโดยที่รูปแบบการใช้งานและการชาร์ตจะไม่ส่งผลให้อายุการใช้งานสั้นลง)




 

วันอาทิตย์ที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

การตรวจเช็คอาการเสียของเพาเวอร์ซัพพลาย

|0 ความคิดเห็น
การตรวจเช็คอาการเสียของเพาเวอร์ซัพพลาย
 
Power Supply มี 2 แบบ

แบบที่ 1. แบบ Linear มีหม้อแปลงใหญ่ขนาดใหญ่ ตัดวงจรโดย Fuse
แบบที่ 2. แบบ Switching มี Transistor ทำหน้าที่ตัดวงจร
2.1 แบบ XT มีขนาดใหญ่ มีหัวเดียว 12 เส้น มี Switch ปิด-เปิดอยู่ด้านหลัง Power Supply
2.2 แบบ AT เล็กกว่า XT มีหัวเสียบ 2 หัว คือ P8 , P9 มีสวิทช์ปิด-เปิดโยงจาก Power Supply มายังหน้า Case (ราคาประมาณ 450 บาท)
2.3 แบบ ATX มีหัวเสียบเดียว 20 เส้น ไม่มี Switch ปิด-เปิด เมื่อสั่ง Shut Down จาก Program เครื่องจะปิดเองโดยอัติโนมัติ (ราคาประมาณ 600-800 บาท)

* ถ้าต้องการตรวจสอบการใช้งานในขณะที่ไม่ได้ต่อกับ Mainboard ให้ Jump สายสีเทา (หรือสีเขียว) กับสีดำ พัดลมของ Power Supply จะหมุน แสดงว่าใช้งานได้

การใช้มิเตอร์วัดไฟ Power Supplyดำ + ดำ = 0 V
ดำ + แดง = 5 V
ดำ + ขาว = -5 V
ดำ + น้ำเงิน = -12 V
ดำ + ส้ม = 5 V
ดำ + เหลือง = 3.3 V
ดำ + น้ำตาล = 12 V

* เข็มมิเตอร์ตีกลับ ให้กลับสาย ใช้ค่า ติด -

*AC=220 V (L กับ N)
L1 380 Vac
L2 380 Vac
L3 380 Vac
N Nutron , G ไม่มีไฟ
*230W (23A) - 300W (30A)
โดย W=V*I
Click the image to open in full size.
ส่วนของ Power Supply ที่สามารถตรวจซ่อมได้ 1. Fuse
2. Bridge
3. Switching
4. IC Regulator
5. C ตัวใหญ่
6. IC
Click the image to open in full size.

Chart ประกอบการตรวจเช็ค Power Supply Click the image to open in full size.

วงจรเพาเวอร์ซัพพลาย (Block Diagram) Click the image to open in full size.