วันพฤหัสบดีที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2554

Bye Bye ปัญหาผิวรอบดวงตา

Bye Bye ปัญหาผิวรอบดวงตา

Eyes Contact หรือการสื่อสารด้วยสายตาเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อความหมายไม่แพ้คำพูดใดๆ คนที่ดวงตาสวยสดใส เต็มไปด้วยความมั่นใจจึงดูมีชีวิตชีวา น่าค้นหา แต่หากใครไม่มั่นใจกับปัญหาผิวรอบดวงตาจนต้องหลบซ่อนเสน่ห์อยู่เสมอล่ะก็ มาบอกลาปัญหาเดิมๆ แล้วเรียกดวงตาสวยใสกลับคืนมากันเถอะค่ะ

ถึงหมีแพนด้าจะน่ารัก แต่รอยหมองคล้ำรอบดวงตาคงไม่น่าปรารถนาสำหรับสาวๆ แน่นอน ไม่ใช่แค่นอนดึกเท่านั้นนะคะที่ทำให้แพนด้ามาเยี่ยมเยียนดวงตาของเรา แต่ฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง กรรมพันธุ์ และความเหนื่อยล้าจากการใช้สายตานานๆ ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุได้ทั้งสิ้น โดยเฉพาะโรคภูมิแพ้ที่เกี่ยวกับโพรงจมูก เช่น แพ้ฝุ่น แพ้เกสรดอกไม้ ไซนัส มักจะทำให้ดวงตาหมองคล้ำได้ง่าย เพราะผิวรอบดวงตามีความหนาเทียบเท่าได้กับกระดาษแผ่นบางๆ หนึ่งแผ่นเท่านั้น เมื่อเราไอ จาม หายใจติดขัดจะทำให้หลอดเลือดแดงขยายตัว เราจึงมองเห็นสีของเลือดดำที่คั่งอยู่ใต้ผิวได้ชัดเจนขึ้น หากอดนอนหรือเครียดสะสม เลือดก็ยิ่งไหลเวียนไม่สะดวกและทำให้ดูหมองคล้ำกว่าเดิมได้ การใช้ผลิตภัณฑ์ Whitening จึงแก้ปัญหาได้ที่ปลายเหตุเท่านั้น ทางแก้ที่แท้จริงต้องมาจากภายในอย่างวิธีดีๆ เหล่านี้ค่ะ
ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ คือวิธีที่เห็นผลที่สุดวิธีหนึ่งในการรักษาภูมิแพ้ หากไม่อยากไอ จาม ให้ต้องขยี้ตากันบ่อยๆ ก็ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้โลหิตไหลเวียนดี เสริมภูมิต้านทานของร่างกาย แถมยังช่วยให้หลับง่ายขึ้นอีกด้วยนะคะ
ทานวิตามินให้มากขึ้น เช่น วิตามิน C ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย เช่น ฝรั่ง ส้ม มะขาม บรอคโคลี่ คะน้า และวิตามิน A ที่มีส่วนช่วยบำรุงสายตา มีมากในมะเขือเทศ มะละกอ ใบตำลึง ฯลฯ
Milky Mask เอนตัวลงนอนอย่างผ่อนคลายโดยยกปลายเท้าให้สูงกว่าศีรษะ ใช้แผ่นคอตตอนชุบนมสดรสจืดเย็นๆ แล้วแปะลงบนดวงตาทิ้งไว้ 10 นาที ความเย็นจะช่วยให้หลอดเลือดหดตัวลง และนมยังช่วยบำรุงผิวรอบดวงตาให้เนียนนุ่มน่าสัมผัสไปพร้อมกัน
Tea & Spoon Treatment ในเวลาว่างควรนำถุงชาอุ่นๆ มาประคบบริเวณเปลือกตาสลับกับช้อนชาที่แช่ในตู้เย็น วิธีการนี้จะทำให้เลือดบริเวณรอบดวงตามีการไหลเวียนดี สามารถนำสารอาหารมาเลี้ยงเซลล์ผิวได้มากขึ้น ผิวรอบดวงตาจึงแข็งแรง กระจ่างใส

         แม้จะเป็นอวัยวะเล็กๆ แต่ดวงตาก็ต้องทำงานหนักไม่แพ้ส่วนไหนในร่างกาย โดยเฉลี่ยแล้วในแต่ละวันคนเรากระพริบตาถึง 10,000 ครั้งเลยทีเดียว นี่ยังไม่นับการใช้สายตาในการจ้องมองสิ่งต่างๆ ติดต่อกันหลายชั่วโมง มลพิษรอบตัว และสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงอยู่บ่อยๆ นะคะ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้เกิดอาการตาแห้ง และมีริ้วรอยรอบดวงตามาเยือนเร็วกว่าที่คิด เพราะผิวบริเวณรอบดวงตามีไขมันมาหล่อเลี้ยงน้อยมาก แต่ก็มีวีธีป้องกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ดังนี้ค่ะ
สวมแว่นกันแดด แสงแดดช่วงพระอาทิตย์ขึ้นและตกดินมีประโยชน์กับดวงตา แต่รังสียูวีช่วง 10.00-16.00 น. กลับเพิ่มความเสี่ยงโรคตาเช่น ต้อกระจก ต้อเนื้อ และยังทำให้ผิวขาดความชุ่มชื่น เกิดริ้วรอยได้ง่าย จึงควรสวมแว่นกันแดดที่กันได้ทั้งรังสียูวีเอและรังสียูวีบี ไม่ควรเลือกแว่นเพียงเพราะสวยงามหรือราคาถูก เพราะสีเข้มๆ ของแว่นกลับจะทำให้รูม่านตาขยายใหญ่ขึ้น รับรังสียูวีได้มากกว่าเดิมเสียอีก
ดื่มน้ำให้เพียงพอ ข้อนี้ขาดไม่ได้เลยนะคะ ถ้าดื่มน้ำไม่เพียงพอแล้ว ต่อให้ใช้อายครีมดีแค่ไหนก็คงเห็นประสิทธิภาพได้น้อยนิด ไม่คุ้มกับที่เสียเงินแพงๆ แน่ค่ะ
ทานอาหารที่มีวิตามิน E สูง เพื่อผิวที่เนียนนุ่ม ชุ่มชื่นขึ้น และกระตุ้นให้ระบบเมลาบอลิซึ่มของผิวเป็นไปอย่างปกติ ลองเปลี่ยนจากของทานเล่นประเภทมันฝรั่งทอดกรอบมาเป็นถั่วชนิดต่างๆ อาทิ อัลมอนด์ มะม่วงหิมพานต์ พิสตาชิโอ ฯลฯ ทั้งอร่อยและช่วยบำรุงผิวสวยได้ดีทีเดียว
Pack Sheet เรียกความชุ่มชื่น นอกเหนือจากการใช้ Eye Cream ปกติ ควรเพิ่มการดูแลเป็นพิเศษด้วย Pack Sheet Eyes โดยแปะที่ดวงตาทิ้งไว้ก่อนนอน สารสกัด Olive Leaf ที่มี Coenzyme Q10 ตามธรรมชาติ จะคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวและเก็บกักความชุ่มชื่นไว้ตลอดคืน เมื่อตื่นนอนตอนเช้าจะสัมผัสได้ถึงผิวรอบดวงตาที่เรียบเนียน สดใส มีน้ำมีนวล พร้อมยิ้มรับกับวันใหม่ ควรทำสัปดาห์ละ 1-2 ครั้งค่ะ

ปัญหาตาบวมเกิดได้จากสองสาเหตุหลักๆ คือ 1.กรรมพันธุ์ และ 2.อาการบวมน้ำจากฮอร์โมน อากาศเปลี่ยนแปลง ภูมิแพ้ การดื่มแอลกอฮอล์ การทานอาหารเค็มจัด หรือจากการร้องไห้ เป็นต้น ดวงตาบวมตุ่ยหรือถุงใต้ตาห้อยย้อยนั้นทำให้ดูอิดโรย ชีวิตไม่แจ่มใสเอาเสียเลย จึงควรออกกำลังกายเป็นประจำให้สดชื่นทั้งร่างกายและจิตใจ งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และลดเกลือในอาหารลงบ้าง รวมถึงนวดรอบดวงตาเป็นประจำ ถึงแม้ตาบวมที่เกิดจากกรรมพันธุ์จะแก้ไขได้ยาก แต่หากนวดเป็นประจำสม่ำเสมอก็จะช่วยป้องกันและลดอาการบวมน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น