เมื่อไขมันในเลือดสูง
)ไขมันในเลือดที่สำคัญ ได้แก่ โคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอร์ไรด์ และฟอสโฟไลปิด ซึ่งไขมันเหล่านี้มีหน้าที่แตกต่างกัน
- โคเลสเตอรอล ถึงแม้จะไม่สามารถให้พลังงานแก่ร่างกายได้ แต่ก็นำมาสร้างน้ำดี เพื่อใช้สำหรับย่อยไขมัน สร้างฮอร์โมนบางชนิด และเป็นองค์ประกอบของผนังเซลล์
- ไตรกลีเซอร์ไรด์ เป็นไขมันที่ให้พลังงานแก่ร่างกาย และเป็นรูปแบบไขมันที่ร่างกายเก็บสะสมไว้ เพื่อนำมาใช้เป็นพลังงานเมื่อจำเป็น
- ฟอสโฟไลปิด ส่วนมากจะเป็นเลซิธิน ซึ่งเป็นสารประกอบของผนังเซลล์ และช่วยในการทำให้ไขมันแตกออกกลายเป็นหยดเล็กๆ และถูกย่อยได้ง่ายขึ้น
- อาหารสุขภาพจะต้องประกอบไปด้วยอาหาร 5 หมู่ ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน ไขมัน ผักผลไม้ และนม ไขมันเป็นอาหารที่ให้พลังงานมากที่สุดเมื่อเทียบกับน้ำหนักที่เท่ากัน ไขมันที่เรารับประทานมีอยุ่ 3 รูปแบบคือ โคเลสเตอรอล ไตรกลีเซอร์ไรด์ และฟอสโฟไลปิด
- กรดไขมันเป็นการเรียงตัวของธาตุคาร์บ่อน โดยที่ปลายด้านหนึ่งเป็นเมธิลกรุ้ป อีกด้านหนึ่งเป็นคาร์บอกซิลกรุ้ป ความยาวของคาร์บอนอะตอมมีได้หลายตัว หากมีความยาวน้อยกว่า 6 เรียก "กรดไขมันสายสั้น" หากมีคาร์บอนอะตอมมากกว่า 12 เรียกว่า "กรดไขมันสายยาว" กรดไขมันเป็นอาหารของกล้ามเนื้อ หัวใจ อวัยวะภายในร่างกาย กรดไขมันส่วนที่เหลือใช้จะถูกสะสมในรูปไตรกลีเซอร์ไรด์ โดยใช้กรดไขมัน 3 ตัวรวมกับกลีเซอรอล ซึ่งจะสะสมเป็นไขมันในร่างกาย
- กรดไขมันอิ่มตัว หมายถึง กรดไขมันที่มีคาร์บอนอะตอมต่อกันด้วยพันธะเดี่ยวเท่านั้น การรับประทานอาหารไขมันชนิดอิ่มตัวจะทำให้ไขมันในเลือดสูง และเป็นปัจจัยเสี่ยงของโรคหลอดเลือดตีบ แหล่งอาหารของไขมันอิ่มตัวได้แก่ น้ำมันปาล์ม กะทิ เนย นม เนื้อแดง ช็อกโกแลต
- กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว เป็นกรดไขมันที่มีคาร์บอนอะตอมต่อกันด้วยพันธะคู่เพียงหนึ่งตำแหน่ง การรับประทานอาหารไขมันประเภทนี้ทดแทนไขมันอิ่มตัวจะช่วยลดระดับแอลดีแอลโคเลสเตอรอล ซึ่งเป็นไขมันที่ไม่ดีก่อให้เกิดโรคหลอดเลือดตีบ อาหารที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว ได้แก่ น้ำมันอาโวกาโด, น้ำมันถั่วลิสง, น้ำมันมะกอก, น้ำมันคาโนลา
- กรดไขมันไม่อิ่มตัวเชิงซ้อน หมายถึง กรดไขมันที่มีคาร์บอนอะตอมต่อกันด้วยพันธะคู่อยู่หลายตำแหน่ง หากรับประทานแทนไขมันอิ่มตัวจะไม่เพิ่มระดับไขมันในร่างกาย อาหารที่มีไขมันชนิดนี้คือ น้ำมันพืชทั้งหลาย เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง
- กรดไขมันจำเป็น เป็นกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับร่างกาย แต่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้ ต้องได้รับจากอาหารที่เรารับประทาน
- กรดไขมันชนิดทรานส์ เป็นไขมันที่เตรียมจากการนำน้ำมันพืช เช่น น้ำมันข้าวโพด ไปทำให้ร้อน เพื่อทำให้น้ำมันมีอายุใช้งานได้นานขึ้น และทำให้น้ำมันข้นขึ้นจนเป็นของแข็ง การรับประทานน้ำมันชนิดนี้มากจะทำให้ไขมันแอลดีแอลโคเลสเตอรอลในเลือดเพิ่มขึ้นซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงทำให้เกิดโรคหัวใจ และหลอดเลือด
- กรดไขมันชนิดโอเมกา-3 และกรดไขมันชนิดโอเมกา-6 เป็นกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับร่างกาย แต่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองต้องได้รับจากสารอาหาร กรดไขมันชนิดโอเมกา-3 จะมีพันธะคู่ที่ตำแหน่งคาร์บอนอะตอมที่ 3 นับจากกลุ่มเมธิล พบมากในอาหารจำพวกปลา และน้ำมันพืช เช่น ปลาแซลมอน, ปลาฮาลิบัด, ปลาซาร์ดีน, ปลาอัลบาคอร์, ปลาเทร้า, ปลาเฮอร์ริ่ง, น้ำมันลูกวอลนัท, น้ำมันเมล็ดปอ และน้ำมันคาโนลา กรดไขมันชนิดโอเมกา-6 เป็นกรดไขมันที่จำเป็นสำหรับร่างกาย แต่ร่างกายไม่สามารถผลิตเองต้องได้รับจากสารอาหาร มีพันธะคู่ที่ตำแหน่งคาร์บอนอะตอมที่ 6 นับจากกลุ่มเมธิล พบมากในอาหารจำพวกปลา และน้ำมันพืช เช่น น้ำมันข้าวโพด, น้ำมันดอกคำฝอย, น้ำมันดอกทานตะวัน, น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันเมล็ดฝ้าย
การเลือกบริโภคไขมัน
- การเลือกบริโภคไขมันมีความสำคัญมาก เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเกิดโรคหัวใจจากหลอดเลือดหัวใจตีบตัน ท่านควรเลือกบริโภคไขมันจากพืช ยกเว้นกะทิและน้ำมันปาล์ม ที่ท่านไม่ควรบริโภค หากท่านมีไขมันในเลือดสูง ท่านควรละเว้นการบริโภคไขมันจากสัตว์ แต่ยกเว้นไขมันจากปลา ที่ท่านสามารถบริโภคได้
- ไขมันที่ท่านควรเลือกบริโภคคือไขมันชนิดไม่อิ่มตัว เห็นได้จากไม่เป็นไขเวลาใส่ไว้ในตู้เย็น
- เลือกบริโภคอาหารที่ถูกต้อง โดยรับประทานผักใบเขียว ผลไม้สีแดง และสีส้มเป็นประจำ เช่น ผักตำลึง มะละกอสุก
- รับประทานไขมันอิ่มตัว พวกเนย เนยเทียม แต่น้อย
- ใช้ไขมันไม่อิ่มตัวปรุงอาหาร เช่น น้ำมันถั่วเหลือง
- รับประทานเมล็ดธัญญพืช เช่น ข้าวซ้อมมือ ถั่ว เป็นต้น
- กินโคเลสเตอรอลไม่เกินวันละ ๓๐๐ มิลลิกรัม ทำได้โดยลด หรือเลิกกินอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง โดยเฉพาะเครื่องในสัตว์ สมองหมู หนังสัตว์ เช่น หนังไก่ หนังเป็ด หนังหมู ไข่แดง (ไข่ขาวไม่มีโคเลสเตอรอล) ไข่ปลา ปลาหมึก หอยนางรม เป็นต้น
- เลือกกินเฉพาะเนื้อปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน นมพร่องไขมัน
- ใช้น้ำมันพืชปรุงอาหาร
- ไม่ควรกินอาหารทอดเป็นประจำ เช่น กล้วยแขก ปาท่องโก๋ ไก่ทอด
- หลีกเลี่ยงแกงกะทิทั้งหลาย
โภชนบัญญัติ 9 ประการ
- กินอาหารครบ 5 หมู่ แต่ละหมู่ให้หลากหลาย และหมั่นดูแลน้ำหนักตัว รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
- กินข้าวเป็นอาหารหลัก สลับกับอาหารประเภทแป้งเป็นบางมื้อ
- กินพืชผักให้มาก และกินผลไม้ให้เป็นประจำ
- กินปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่วเมล็ดแห้งเป็นประจำ
- ดื่มนมให้เหมาะสมตามวัย
- กินอาหารที่มีไขมันแต่พอควร
- หลีกเลี่ยงการกินอาหารรสหวานจัด และเค็มจัด
- กินอาหารที่สะอาดปราศจากการปนเปื้อนจากเชื้อรา พยาธิ สารเคมีที่เป็นพิษ
- งด หรือลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และที่สำคัญคือ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
การตรวจไขมันในเลือด
- โคเลสเตอรอล เป็นส่วนสำคัญของไขมันความหนาแน่นต่ำ โคเลสเตอรอลเป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ร่างกายสามารถสังเคราะห์ขึ้นได้เอง และได้รับจากสารอาหารที่รับประทานเข้าไป โคเลสเตอรอลเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดเส้นเลือดแข็งตัว และตีบตัน สารโคเลสเตอรอลนี้จะมีมากในไขมันสัตว์ ระดับปกติในโลหิตไม่ควรเกิน 200 มิลลิกรัมต่อ 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร และถ้าพบว่าสูงมากกว่า 200 มิลลิกรัมต่อ 100 ลูกบาศก์เซนติเมตร ควรควบคุม และรักษา จากการศึกษาพบว่าถ้าลดระดับโคเลสเตอรอลลงได้ร้อยละ 1 จะทำให้โอกาสเกิดโรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบลดลงถึงร้อยละ 2
- ไตรกลีเซอไรด์ ส่วนหนึ่งเกิดจากอาหารที่รับประทานเข้าไป และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากการสังเคราะห์ในร่างกายในคนอ้วนระดับไตรกลีเซอไรด์มักจะสูงได้บ่อยๆ ยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าไขมันตัวนี้เป็นต้นเหตุของโรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ ถ้าพบว่ามีระดับสูงมาก หรือพบว่าสูงในคนที่มีโคเลสเตอรอลสูงอยู่แล้ว เชื่อว่าโอกาสเป็นโรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบเพิ่มขึ้นจึงควรรักษา
- เอชดีแอล เป็นไขมันที่มีความหนาแน่นสูง มีหน้าที่จับไขมันโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดออกไปทำลายที่ตับ ดังนั้นถ้าระดับเอชดีแอลสูง จะมีผลทำให้โอกาสเป็นโรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ และโรคหลอดเลือดลดลง โดยเฉพาะถ้าระดับเอชดีแอลสูงเกิน 50 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร เอชดีแอลจะสูงจากการออกกำลังกาย และจากยาลดไขมันบางชนิด
- เมื่อท่านตรวจพบไขมันในเลือดสูง โดยระดับโคเลสเตอรอลสูงกว่า 200 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เซนติเมตร ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจตีบ หรืออุดตัน โรคนี้เป็นโรคที่เป็นกันมากขึ้น และเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตสูงเป็นอันดับหนึ่งในปัจจุบัน
อาหารที่เหมาะสมกับผู่ที่เป็นโรคไขมันในเลือดสูง
- นมพร่องมันเนย หรือนมขาดมันเนย
- เนื้อปลา เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน โดยแยกเอาไขมัน และหนังออกให้หมด ถั่วเมล็ดแห้ง
- ข้าวที่ไม่ขัดสีมาก
- ผักสดต่างๆ รวมทั้งกระเทียม ข้าวโพด ไม่น้อยกว่าวันละ 2 มื้อ
- ผลไม้ไม่หวานจัด
- ไขมันจากพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันมะกอก น้ำมันข้าวโพด น้ำมันรำ ประกอบอาหาร
- อาหารประเภทต้ม ต้มยำ แกงส้ม ยำ นึ่ง อบ ย่าง (ไม่มีกะทิเป็นส่วนประกอบ)
- ไขมันจากพืช เช่น น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง และน้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันที่สกัดเป็นแหล่งของกรดไขมันที่จำเป็น ซึ่งจะช่วยลดโคเลสเตอรอลได้
- อาหารที่มีไขมันแฝงอยู่มาก ได้แก่ อาหารทอด เช่น ไก่ทอด ไข่เจียว กล้วยแขก แกงกะทิ หลนต่างๆ ไส้กรอก กุนเชียง
- เนื้อสัตว์ติดมัน หนังเป็ด หนังไก่ ไข่แดง แฮม เบคอน หมูยอ อาหารทะเลบางชนิด เช่น ปลาหมึก หอยนางรม
- ขนมหวานที่มีส่วนประกอบของน้ำตาล และกะทิหรือมะพร้าว เช่น กล้วยบวชชี ขนมหม้อแกง ข้าวเหนียวหน้าต่างๆ ข้าวโพดคลุกมะพร้าวน้ำตาล
- ขนมที่มีไขมันแฝงอยู่ เช่น ขนมขบเคี้ยว โดนัท เค้ก คุกกี้ ไอศกรีม
- ไขมันที่ได้จากสัตว์ เช่น เนย มันหมู มันวัว มันไก่ เพราะอาหารเหล่านี้มีกรดไขมันอิ่มตัวควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีโคเลสเตอรอลสูง
- อาหารที่มีไขมันสูงแฝงอยู่มาก เช่น อาหารทอด อาหารที่มีกะทิ
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น