อุปกรณ์ กันขโมย PIR กับการแบ่งเกรด
วิธีเลือกซื้อ PIR กันเล่นๆละกันครับมาตรฐานการแบ่งเกรด ของอังกฤษตัวนี้เริ่มใช้ในปี 2005 ครับ โดยเป็นข้อกำหนดสำหรับการติดตั้งตามสถานที่ต่างๆครับ
สำหรับ security gradeในหมวด detector ของ intruder alarm แบ่งออกเป็น 4เกรดครับ คือ security grade 1-4
แล้วต่างกันตรงไหน ?
หน้าที่ของ pir หรือ detector ยังงัยก็ไม่เปลี่ยนครับ คือ ตรวจจับ และส่งสัญญาณจะต่างกันที่ฟังก์ชันที่เพิ่มเข้ามา และสถานที่ใช้งาน
สำหรับ grade 1 นั้นจะใช้ในที่มีความเสี่ยงต่ำไล่ไปเรื่อยๆจนถึง 4 ที่มีความเสี่ยสูง
security grade 1 – ให้ใช้ในสถานที่ ที่มีความเสี่ยงต่ำ สำหรับตลาด DIY เช่นสินค้า DIY จากจีนเป็นต้น
security grade 2 – ให้ใช้ในสถานที่ ที่มีความเสี่ยงต่ำถึงกลาง เช่น ที่พักอาศัย เช่นบ้านพักโดยทั่วไป
security grade 3 – ให้ใช้ในสถานที่ ที่มีความเสี่ยงกลางถึงสูง เช่น ร้านค้าโดยทั่วไป
security grade 4 – ให้ใช้ในสถานที่ ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น โรงงานอุตสาหกรรม
สำหรับทุกยี่ห้อที่ผมกล่าวและแนะนำในกระทู้ที่สอบถามต่างๆ เช่น honeywell, bosch, ness, wisdom, infinite, visonic, etc.. ล้วนมีอุปกรณ์ที่ใช้งานในระดับ security grade 2 ทั้งหมด
แล้วเอาอะไรมาแบ่งเกรด ?
สิ่งที่แบ่งเกรดก็คือฟังก์ชัน เช่น security grade 3 เรียกร้องให้ detector สามารถแจ้งเตือนเมื่อถูกวัตถุบดบังได้ (anti mask) และสามารถแจ้งสัญญาณไปที่เครื่องได้
ทั้งหมดไม่ได้เกี่ยวข้องกับคุณภาพของ sensor ครับ
คุณภาพของ sensor ดูจากตรงไหน ?
วัดยาก สำหรับผม ดูจาก
1. ความสามารถในการแบ่งแยกจำนวนองศาได้ละเอียด
2. ดูวิธีการ sampling ข้อมูล ในแต่ละ sensor
3. หลักในการใช้ลำแสงในแต่ละ sensor
4. ความสามารถในการปรับเปลี่ยนหลักการเก็บข้อมูลตามสภาพแวดล้อม
สรุปเรื่อง security grade – สำหรับเราๆแล้ว ไม่ต้องไปใส่ใจในเรื่อง security grade เลยแม้แต่น้อย เพราะ datasheet ส่วนใหญ่จะไม่ได้โชว์
แล้วเลือกใช้แบบไหนดี ?
ง่ายๆครับ เลือกจากเทคโนโลยีที่ใช้ + Brand อีกนิดหน่อย ไม่ใช่ว่าแนะนำให้บ้าแบรนด์ แต่ของที่มีแบรนด์มักจะใช้ sensor ที่มีคุณภาพกว่า
- หากใช้สำหรับบ้านทั่วไป ?
ให้เลือกใช้ชนิด dual PIR ที่มีการให้ปรับ pulse หลายแบบหน่อยตั้งแต่ 2 ขึ้นไป
1 Pulse – ตรวจจับไว (พวกคนขายเวลา demo ชอบโชว์โดยใช้ตัวนี้ เราเห็นจะรู้สึกว่าตรวจจับไว)
2-3 pulse – ผม recommended ให้ใช้ standard ที่ 2 เพราะโดยปกติ ขโมยจะไม่วิ่งปรู๊ดแล้วหายเลยอยู่แล้ว มักจะเดินวนไปเวียนมานั่นแหละ
- หากใช้สำหรับร้านค้าหรือโรงงาน – ผมแนะนำให้ใช้ชนิด dual technology คือ microwave + pir เพราะ microwave จะมี reliability ในช่วงความร้อนที่มากกว่า และสาเหตุที่ระบบ wireless ไม่ใช้เทคโนโลยีประเภทนี้เพราะ มันกินไฟ นั่นเอง
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น