วันอังคารที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2554

LCD-TV เติมเต็มความสุขความบันเทิงภายในบ้าน

LCD-TV เติมเต็มความสุขความบันเทิงภายในบ้าน


LCD-TV เติมเต็มความสุขความบันเทิงภายในบ้าน

     เมื่อพูดถึงความบันเทิงภายในบ้าน จอในการแสดงภาพเป็นหัวใจหลักอย่างหนึ่งของส่วนสำคัญในการเติมเต็มความสุขภายในบ้านเลยทีเดียว จอโทรทัศน์รุ่นใหม่ๆก้าวเข้าสู่ยุคจอโทรทัศน์ชนิดจอแบนดังจะเห็นได้จากความนิยมที่เพิ่มมากขึ้น หรือถ้าไม่เชื่อคุณก็ลองไปเดินดูตามห้างสรรพสินค้าในส่วนของสินค้า AV ซิครับ เห็นไหมละครับว่ามีแต่จอแบนเต็มแผนกไปหมด จอโทรทัศน์ชนิด LCD-TV เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ก้าวเข้ามาในทางเลือกนอกจากจอโทรทัศน์ชนิด Plasma ซึ่งต่างก็มีจุดเด่นและความเหมาะสมในการเลือกใช้ที่แตกต่างกัน แม้ว่าจะมีอะไรหลายๆอย่างที่เหมือนกัน แต่ LCD-TV คืออะไร มีจุดเด่นกว่าจอโทรทัศน์ประเภทอื่นๆตรงไหน และถ้าคุณสนใจจะเลือกซื้อซักเครื่องควรทำอย่างไรนั้น เรามาทำความเข้าใจไปพร้อมๆกันดีไหมครับ
LCD TV
LCD TV
     LCD TV ถ้าพูดถึงเฉพาะจอ LCD หลายๆ ท่านคงคุ้นหูกันบ้างจากจอคอมพิวเตอร์ชนิด LCD Monitor ทีได้รับความนิยมมาทด
แทนจอคอมพิวเตอร์ชนิดหลอด (CTR) และใช้ในจอคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ก ดังนั้นจุดเริ่มต้นของ LCD TV จึงมีจุดเริ่มต้นมาจากการพัฒนาหน้าจอในการแสดงผล ซึ่งในระยะแรกเทคโนโลยีการแสดงผลพัฒนาจากหน้าจอดิจิตอลที่เราๆท่านๆรู้จักกันเรียกว่า Direct Driving ลักษณะการแสดงผลจะแสดงเป็นเส้น (Segment Display) นำมาประกอบกันเป็นอักษร ดังนั้นในยุคแรกจึงเป็นเน้นเฉพาะการแสดงตัวอักษระเท่านั้นอย่างเช่น หน้าจอนาฬิกาดิจิตอล และหน้าจอเครื่องคิดเลขราคารุ่นเก่า หรือรุ่นถูกที่มีจำหน่ายในตอนนี้ อีกประเภทหนึ่งเป็นเทคโนโลยีจอ LCD ที่แสดงผลในลักษณะ Multiplex Driving ในเทคโนโลยีนี้เองมีความละเอียดในการแสดงผลมากขึ้น โดยใช้หลักการแสดงผลจากการนำเอาจุดหลายๆ จุดมาเรียกต่อกัน (Matrix Display) ในระยะแรกที่นำมาใช้งานอักษรจะมีลักษณะความคมชัดกว่าแบบ Direct แต่ในเรื่องของภาพก็ยังมีลักษณะหยาบๆ และเป็นรอยหยักอยู่บ้าง เนื่องจากยังใช้จำนวนจุดที่น้อย และยังมีการพัฒนาจุดให้มีขนาดเล็กไม่ได้ แต่ผู้ผลิต LCD ก็มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อลดขนาดของจุดเพิ่มความถี่ของจุดในการแสดงผล รวมถึงการพัฒนามุมมองจำนวนสี ตลอดไปจนถึงความเร็วในการแสดงผล
LCD TV

     เรามารู้จักกันดีกว่าว่า LCD ย่อมาจากอะไร LCD (Liquid Crystal Diode) จอประเภท LCD TV หลายๆท่านจะมองว่าลักษณะการทำงานและเทคโนโลยีการทำงานต่างๆ น่าจะคล้าย Plasma TV เนื่องจากจะนำเอาจุดต่างๆ มารวมกันเพื่อสร้างภาพให้เกิดขึ้นซึ่งหากดูผิวเผินจะรู้สึกได้ว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะหลักการทำงานคร่าวๆรูปทรง ขนาดของจอมีลักษณะคล้ายๆกันอยู่มากทีเดียว แต่ถ้าผู้อ่าน
LCD TV
ทราบถึงหลักการทำงาน รวมถึงพี้นฐานการทำงานของ LCD TV จริงๆจัง แล้วก็จะทราบถึงความแตกต่างทันที และบอกได้เลยว่าหากคุณจะหาซื้อจอที่มีคุณสมบัติแบนบาง ขนาดหน้าจอที่ใหญ่ซักเครื่อง และคิดว่าอะไรก็ได้ระหว่าง Plasma TV และ LCD TV คงต้องบอกว่าคุณอาจตัดสินใจผิดพลาดในการเลือกซื้อเลยทีเดียว ก่อนถึงขึ้นนั้นผมคงต้องอธิบายถึงหลักการทำงานของ LCD TV ก่อนดีกว่า เพราะจะทำให้ผู้อ่านเข้าใจถึงหลักการทำงานและพื้นฐานการทำงานของ  LCD TV ซึ่งถ้าเข้าใจในจุดนี้จะทราบถึงความแตกต่างของเทคโนโลยีจอทั้งสองประเภท และคุณอาจไม่ต้องมาเสียใจภายหลังเนื่องจากการซื้อจอไม่ตรงกับความต้องการจริงๆ แม้ว่าไม่มากแต่รับรองว่าไม่มีความสุขในการใช้แน่ๆ
LCD TV
หลักการทำงาน LCD TV
     ในการอธิบายหลักการทำงานเบื้องต้นของ LCD TV ผมยังคงไม่ลงลึกถึงทุกอย่างของ LCD TV แต่จะอธิบายให้ทราบว่าจอ LCD TV นั้นมีหลักการแสดงภาพอย่างไรเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจ และนำไปเปรียบเทียบกับจอ Plasma TV  ได้อย่างเข้าใจภายหลัง
LCD TV
     LCD TV นั่นเมื่อดูถึงโครงสร้างภายในจะต่างกับ Plasma TV สิ้นเชิงแม้ว่าจะมีรูปทรงที่เหมือนกัน LCD TV พัฒนาจากหน้าจอทีเน้นทางด้านการแสดงผล เริ่มตั้งแต่หยาบๆ และพัฒนาต่อยอดมาจนถึงปัจจุบันที่มีความคมชัด สีสันสวยงามเหมือนเรารับชมจากจอภาพชนิดหลอด เรามารื้อดูเบื้องหลังกัน
     LCD TV นั้นมีหลักการทำงานเบื้องต้นคือ จอที่มีการสร้างภาพจากการบล็อก หรือปิดกั้นแสงนั่นเองถ้าพูดแค่นี้อาจไม่เข้าใจในจอ LCD ด้านหลังสุดจะเป็นหลอดให้กำเนิดแสดงที่เรียกว่า Backlight ซึ่งจะทำหน้าที่คล้ายหลอดไฟที่จะส่งแสดงออกมายังด้านหน้าของจอภาพ ถัดมาก็จะเป็น TFT Glass สองแผ่นประกบกัน ลัษณะคล้ายกับแซนวิช โดยระหว่างแผ่นนั่นจะมี Liquid Crystal บรรจุอยู่ ซึ่งมีลักษณะเป็นของเหลว โดยมีแผ่น Color Fiter Glass ที่ใช้ในการกรองสีอยู่ติดกับแผ่น TFT Glass อีกด้านหนึ่ง โดยจำนวน TFT Glass จะมีมากเท่าๆ กับจำนวนพิกเซล หรือจุดที่ใช้ในการแสดงผล เมื่อจดภาพมีการส่งสัญญาณให้สร้างภาพนั่นที่แผ่น Color Filter Glass และ TFT Glass จะถูกกระตุ้นด้วยความต่างศักย์ของแรงดันไฟเพื่อทำให้ Liquid Crystal ที่อยู่ภายในเกิดการบิดตัว ดังนั้นแสดงที่มาจาก Backlight ด้านหลังเมื่อผ่าน Liquid Crystal ไปยัง Color Filter Glass ก็จะปล่อยเฉพาะคลื่นแสงที่ถูกอนุญาตให้ผ่านเท่านั้น ดังนั้นเมื่อแต่ละจุด หรือ แต่ละพิกเซลถูกกำหนดให้แสงผ่านตามที่ควบคุมก็จะสามารถแสดงภาพตามที่ต้องการได้ ในจอ LCD ส่วนมาก
จะทำงานแบบ TFT LCD (Thin Film Transistor Liquid Crystal Display) จะมีลักษณะของแผ่นแก้ว TFT ประกอบลักษณะคล้ายแซนวิช โดยมี Liquid Crystal อยู่ภายในแผ่นแก้ว TFT  ทั้งสอง ในแผ่นแก้ว TFT จะมีจำนวนมากเท่ากับจำนวนพิกเซลที่ใช้ในการแสดงผล โดยมีแผ่นกรองสีที่จะใช้ช่วยในการสร้างสี ให้เกิดขึ้นในแต่ละพิกเซลโดยสีแต่ละจุดยังเกิดจากในแต่ละจุดของ Liquid Crystal จะถูกใส่แรงดันไฟฟ้าระหว่างแผ่นกรองสี และแผ่นแก้ว TFT เพียงเท่านี้คงทำให้ผู้อ่านหลายๆ ท่านพอจะเข้าใจถึงหลักการทำงานของ LCD กันบ้านแล้ว และก่อนที่จะมึนไปมากกว่านี้ ผมว่าเราไปคุยกันในหัวข้อถัดไปดีกว่ากระมังครับ
LCD TV










     LCD TV
LCD TV ต่างจาก LCD Monitor อย่างไร

    หลายๆท่านคงตั้งคำถามว่า LCD TV กับ LCD Monitor มีความแตกต่างกันอย่างไร ถ้าให้ตอบตามตรงๆ สรุปง่าย คือก็เหมือนกันครับ เพียงแต่ LCD TV นั้นจะเป็นการพัฒนาต่อยอดจาก LCD Monitor ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ ที่ต้องพูดอย่างนี้เพราะจอทั้งสองมีการพัฒนาต่อยอดที่แตกต่างกันไป ในจอ LCD Monitor ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์นั้นเน้นการพัฒนาให้มีความเร็วในการแสดงผล หรือที่เราเรียกกันว่า Response Time ให้ต่ำๆ ซึ่งจะทำให้ความเร็วของภาพมีการแสดงเร็วขึ้น ทำให้ภาพนุ่มตา รวมถึงการพัฒนามุมมองให้กว้างขึ้น ในขณะที่จอ LCD TV นั้นจะเน้นการพัฒนาขนาดให้ใหญ่ขึ้น สีสันของภาพสวยงามสมจริง พัฒนาชุดรับสัญญาณภาพจากภายนอกให้ดีขึ้น มุมมองภาพดีขึ้น ชุดรับสัญญาณโทรทัศน์ให้ดีขึ้น ชุดถอดรหัสภาพให้ดีขึ้น รวมถึงการพัฒนาระบบเสียงให้ดีขึ้น ซึ่งจอ LCD Monitor จะไม่เน้นการพัฒนาในด้านนี้ โดยเฉพาะชุดถอดรหัสภาพและระบบเสียง เนื่องจาก LCD Monitor นั้นเน้นการรับสัญญาณภาพมาแสดงเท่านั้น (สังเกตได้ว่าลำโพงที่ให้มากับจอ LCD Monitor นั้นเสียงที่ได้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่) จึงทำให้จอ LCD ทั้งสองประเภทมีความเหมือนที่แตกต่างกัน ทั้งนี้ก็คงเพราะการนำไปใช้ด้วยละครับ


LCD TV
LCD TV กับ Plasma TV
     คำถามเด็ดที่ยากจะหาคนตอบได้อย่างโดนใจคือ LCD TV กับ Plasma TV อะไรดีกว่ากัน ถ้าจะซึ่งอะไรดีกว่า คำถามนี้ตอบยากครับแต่ผู้ที่จะทำให้คำตอบนี้ตอบได้ง่ายคือ คุณผู้อ่านที่กำลังจะซื้อ เพราะทั้ง LCD TV และ Plasma TV นั้นต่างก็มีจุดดี และจุดด้วยที่แตกต่างกันความเหมาะสมกับงานที่นำไปใช้ก็จะแตกต่างกันไปด้วย
     มาพูดถึง LCD TV ก่อน LCD TV นั้นมีข้อได้เปรียบ Plasma TV หลายๆ ด้านอาทิ การประหยัดไฟที่ประหยัดกว่า Plasma TV
ความสามารถนำการนำไปต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานแทนหน้าจอแสดงผล (ซึ่งผู้อ่านจะเห็นว่าในจอ LCD TV รุ่นหน้าจอเล็กๆ นั้นจมีผู้ใช้บางท่านนำไปต่อกับคอมพิวเตอร์เพื่อใช้งานทั้งสองอย่างได้พร้อมกัน) จอ LCD TV มีทั้งจอชนิด 4:3 และแบบ 16:9 หรือ Widescreen และขนาดเริ่มต้นนั้นมีตั้งแต่ 20 นิ้วจนไปถึง 42 นิ้ว แต่ใน Plasma TV นั้นไม่มีจอชนิด 4:3 และจอจะมีขนาดเริ่มต้นที่ใหญ่ประมาณ 32 นิ้วขึ้นไป ผู้ใช้สามารถนำไปจอ LCD TV ไปต่อกับคอมพิวเตอร์ ดูข่าวหรือสั่งให้หน้าจอค้างไว้นานได้อย่างต่อเนื่องโดยที่หน้าจอไม่เกิดอาการใหม้เพราะหลักการทำงานที่ใช้หลักการบิดของเหลวภายในที่ทำให้เกิดภาพนั่นเอง ต่างจาก Plasma TV ที่หากมีการเปิดหน้าจอค้างไว้อยู่เป็นประจำนานๆ เข้าอาจมีอาการไหม้คล้ายกับจอแบบหลอดภาพนั่นเอง


LCD TV

     เมื่อพูดชมแต่ LCD TV เราก็มาดูจุดอ่อนของ LCD TV พร้อมกับพูดจุดแข็งของ Plasma TV ไปพร้อมๆกัน Plasma TV นั้น มีจุดเด่นกว่าตรงที่ว่าจอ Plasma TV นั้นสามารถสู้แสงรบกวนจากสิ่งแวดล้อมได้ดีกว่าเพราะ Plasma TV นั้นมีค่า Contrast และBrightness Ratio สูงกว่าของ LCD TV อยู่มากพอสมควร แม้ว่าในระยะหลัง LCD TV จะพยายามพัฒนาอย่างต่อเนื่องก็ตาม ทำให้Plasma TV สามารถตั้งในห้องรับแขกที่แสดงมากๆ หรือนำไปใช้งานกลางแจ้งได้อย่างสบายๆ ด้านอัตราความเร็วในการแสงภาพหรือที่เรียกว่า Response Time ใน LCD TV นั้น Plasma TV จะไม่มีค่านี้ เพราะ Plasma TV จะทำงานรวมเร็วเหมือนกับหลักการทำงานของจอโทรทัศน์ชนิดหลอดภาพ (เนื่องจาก Plasma TV จะยิงประจุเพื่อให้เกิดแสดง แต่ LCD TV ต้องสร้างภาพจากการบิดของลำแสงของ Backlight นั่นเอง) ทำให้ความนุ่มตา ความเร็วในการแสดงภาพยังเหนือกว่า อีกทั้ง Plasma TV ก็สามารถพัฒนาขนาดของจอให้ได้ใหญ่กว่า LCD TV ดังนั้นหากใครเน้นหน้าจอขนาดใหญ่ๆ Plasma TV ก็ยังได้เปรียบอยู่ดี เพราะ Plasma TV พัฒนานำหน้าไปอยู่ก้าวหนึ่งเสมอLCD TV
     ฮึม...เมื่อดูถึงจุดเด่นจุดด้อยของทั้งสองแล้วก็ยากจะตัดสินใจใช่ไหมครับ เพราะเมื่อก่อนเราเอาอายุการทำงานทั้งสองมาช่วยตัดสินใจได้ แต่ปัจจุบันจอ
ทั้งสองประเภทก็มีการพัฒนาอายุการใช้งานที่เท่ากันแล้ว ผมถึงบอกว่าคุณผู้อ่านคือ ผู้ที่ให้คำตอบนั่นเองว่าต้องการซื้อจอไปติดตั้งใช้งานที่ไหน และขนาดของจอภาพที่ต้องการ ถ้าคุณเน้นจอที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้แล้วละก็ Plasma TV นั้นยังได้เปรียบ แต่ถ้าเน้นจอเล็กๆ LCD TV ก็ยังได้เปรียบ ส่วนการนำไปใช้ที่ไหนก็มีผล เพราะถ้าใช้ที่แสงมากๆ อย่างห้องรับแขก หรือห้องแสงรบกวนมากๆ Plasma TV นั้นจะสู้แสงได้ดีกว่า  แต่ถ้าเน้นประหัดไปและนำไปใช้ในห้องทั่วไป อาทิ ห้องนอนแล้วละก็ LCD TV น่าจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่ามาก ทั้งนี้นอกจากประหยัดไฟแล้วความร้อนที่เกิดจากการทำงานของ
LCD TV ยังต่ำกว่าการทำงานของ Plasma TV ผมถึงบอกว่าคำตอบของคำถามว่าจอชนิดไหนดีกว่านั้นอยู่ที่ขนาดที่คุณต้องการ และการนำไปใช้
ที่ไหนมากกว่า
LCD TV




การเลือกซื้อ LCD TV
     ในการเลือกซื้อ LCD TV นั้นจะมีจุดคล้ายกับการเลือกซื้อจอ Plasma TV แต่ก็ยังคงมีรายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างกันพอสมควร ดังนั้นควร
พิจารณาให้ละเอียด เนื่องจากแต่ละยี่ห้อจะมีความแตกต่างกันในรายละเอียดแม้ว่าจะมีเทคโนโลยีการผลิตที่เหมือนกัน




LCD TV
ขนาดของจอภาพ
     ขนาดของจอภาพเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งในการเลือกซื้อเพราะ ควรจะสัมพันธ์กับระยะที่คุณคิดจะนำไปติดตั้งและนั่งดู (หรือกระทั่งนอนดูอยู่ในห้องนอนก็แล้วแต่) เนื่องจากหากคุณใช้หน้าจอที่ใหญ่เกินไป นอกจากจะทำให้แสงจ้ามาก และการชมรายละเอียด ของภาพยนตร์จะดูลายตาไปหมดแล้ว ยิ่งในกรณีที่คุณใช้จอที่ใหญ่ ที่ความละเอียดในการแสดงผลต่ำ และยิ่งถ้าใช้ภาพยนตร์ DVD ที่ไม่ชัดแล้วละก็ภาพที่ได้เมื่อคุณใช้จอที่ใหญ่ไปมันจะไม่ชัด ทำให้เสียอารมณ์ในการชมเปล่าๆครับ




LCD TV

     นอกจากขนาดแล้วถ้าคุณจะซื้อ LCD TV ในจอขนาดเล็กๆ และนำไปใช้ทำงานกับคอมพิวเตอร์ก็ควรพิจารณาด้วยว่าดูถึงว่าจะเป็นจอสัดส่วนใดระหว่าง
4:3 หรือ 16:9 (Widescreen) แต่ผลแนะนำว่าควรเป็นจอ Widescreen จะดีกว่า เพราะนอกจากจะชมภาพยนตร์ DVD ได้อย่างมีอรรถรสเต็มตาแล้ว ระบบปฏิบัติการ Windows Vista ตัวใหม่ก็ยังรองรับจอ Widescreen ด้วย
    

อัตรา Contrast,Brightness Ratio และ Response Time

     เนื่องจาก LCD TV นั้นเป็นจอที่ให้แสงน้อยกว่า Plasma TV ดังนั้นในจอ LCD TV แต่ละยี่ห้อ แต่ละรุ่นก็จะมีค่า Contrast ratio และ Brightness ratio ที่แตกต่างกันไป และผู้ผลิตแต่ละยี่ห้อดูได้ โดยคุณสามารถดูได้จากสเป็กซ์ของจอ LCD TV แต่ละรุ่น นอกจากดูที่สเป็กซ์ก็อย่างไปเชื่อซะทีเดียวผมแนะนำให้คุณลองไปดูด้วยตาจริงๆ ดีกว่า เพราะหลายยี่ห้อก็จะมีการวางสเป็กซ์ไว้เกินความจริงพอสมควร จึงควรทดลองปรับค่าทั้งสองให้อยู่ในระดับกลาง และความคมชัดดีที่สุด มุมมองภาพก็ควรจะมากด้วย โดยเฉพาะจอใหญ่ๆ เพราะจะทำให้คุณสามารถยืนดูภาพที่จุดไหนก็ได้โดยที่สี และภาพไม่เพี้ยน รวมถึงค่า Response Time ที่ควรเลือกต่ำที่สุด เพราะภาพที่ได้จะมีความลื่นตา และต่อเนื่องโดยเฉพาะในจอรุ่นใหญ่ๆ ที่นอกจากสเป็กซ์แล้วการทำลองชมด้วยตา หรือนำแผ่นภาพยนตร์ที่คุณชอบไปลองที่ร้านเลยจะดีกว่าแผ่นตัวอย่างที่ทางร้านเปิด (ส่วนมาจะเป็นแผ่นที่สร้างมาเพื่อดึงคุณสมบัติของจอรุ่นนั้นๆยี่ห้อนั้นๆอยู่แล้ว)





สนับสนุน HD Ready
LCD TV
     ความละเอียดของจอ และการรองรับเทคโนโลยี HD (High Definition) เป็นเรื่องสำคัญ เพราะ การแสดงภาพในอนาคตอันใกล้นี้มีทิศทางก้าวเข้าสู่โลกของ HD กันมากขึ้น เพราะเป็นหน้าจอที่ให้ความละเอียดสูง ความคมชัดในรายละเอียดมาก หลายๆ ท่านบ่นว่าอาจยังไม่ได้ใช้แต่บอกได้เลยว่าไม่จริงเพราะอย่างน้อยขณะนี้ก็มีกล้องถ่ายวีดิโอที่บันทึกภาพเป็น HD  มาจำหน่ายในบ้านเราแล้ว และเพียงแต่รอว่าระหว่างเครื่องเล่น HD DVD หรือ Blu Rayใครจะเป็นตัวแทนเครื่องเล่นในอนาคตเท่านั้น ซึ่งก็เริ่มมีภาพยนตร์ทั้งสองค่ายออกมาจำหน่าย คุณก็จะได้เห็นความคมชัดระดับ HD แบบเต็มๆ ตากันซะที
ช่องต่อสัญญาณภาพ และเสียง

LCD TV
     ช่องต่อสัญญาณภาพ และเสียงนั้นมีความสำคัญอย่างมาก เพราะนอกจากจะต้องมีให้ครบทุกอย่างทั้ง Component, RCA,AV,Audio,DVI,S-Video,RGB (ต่อกับคอมพิวเตอร์) ควรมี HDMI พอร์ตความเร็วสูงรุ่นใหม่อีกด้วย ทำให้ได้ภาพที่สวยงามคมชัด และรายละเอียดสูงและยิ่งมีครบถ้วน หรือยิ่งให้มากขึ้นก็ยิ่งทำให้คุณได้รับประสิทธิภาพ และความสะดวกมากขึ้น
LCD TV

ระบบเสียงในตัวเครื่อง
     ปัจจุบันการจำหน่าย LCD TV มีการแข่งขันกันมากขึ้น ทั้งจากผู้ผลิตสินค้า AV เอง หรือผู้ผลิตจอคอมพิวเตอร์ต่างก็สามารถผลิต LCD TV กันได้ จึงเริ่มมีการอัดระบบเสียงที่ดีแข่งขันกันมากขึ้น ยิ่งหากคุณไม่คิดจะซื้อลำโพง หรือระบบเสียง Home Theater เพิ่มเติมเข้าไปแล้วก็ควรจะพิจารณาถึงจุดนี้ด้วยอาทิ บางยี่ห้อจะมีระบบเสียงทั้ง DTS,Dolby Digital,SRS,BBE และอีกมากหลายมาตรฐาน ซึ่งจะให้ความแตกต่างของรายละเอียดเสียงได้มากเลยทีเดียว
LCD TV

LCD TV
 



รีโมต เรื่องง่ายที่อาจยาก
    รีโมตควบคุมนั้นก็เป็นอีกหนึ่งในความสะดวกทำให้ง่ายต่อการใช้งาน แต่บางรุ่นก็อาจกลายเป็นความลำบากและยุ่งยากในการใช้งานไปซะได้ เนื่องจาก LCD TV นั้นมีลูกเล่นมาก รองรับการต่อสัญญาณภาพก็มากทำให้หลายยี่ห้อจะเน้นการออกแบบรีโมตรให้ควบคุมทุกอย่างทั้งฟังก์ชั่นต่างๆ ของโทรทัศน์รวมลามไปถึงพวกเครื่องเล่น DVD ที่นำมาต่อด้วย จึงมีปุ่มมากมายวุ่นวายไปหมด ดังนั้นก็ควรดูว่ารีโมตนั้นควบคุมยากไหมหรือยังไงก็ให้
คนขายช่วยสอนก่อนซื้อมาใช้ก็ดีนะครับ










       LCD TVเทคโนโลยีแต่ละยี่ห้อ
       แต่ละยี่ห้อก็จะมีเทคโนโลยีที่แตกต่างกันไป โดยเฉพาะการออกแบบวงจร ชุดถอดรหัสจึงทำให้สีสันความชัดและมิติของภาพที่ได้ในแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างกัน คุณผู้อ่านจึงควรพิจารณาก่อนว่าเทคโนโลยีเฉพาะในการแสดงภาพของแต่ละยี่ห้อรุ่นไปนตรงใจคุณมากที่สุด และยังไม่รวมถึงลูกเล่นพิเศษอื่นๆที่น่าสนใจ
     เท่าที่คุยกันมาผู้อ่านคงพอทราบรายละเอียด และเทคโนโลยีของ LCD TV  แล้วนะครับ ไว้คราวหน้าเมื่อคุณเดินห้างสรรพสินค้า และอยากได้โทรทัศน์เครื่องใหม่ติดบ้านอีกซักเครื่อง คงพอมีแนวทางในการเลือกซื้อและเข้าใจในจุดเด่นของแต่ละแบบจะได้ไม่ต้องงงกับคนขายที่ต่างเชียร์จนสับสนไปหมด


ที่มา :นิตยสาร Extreme Issue

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น