วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

ฟิตตัวเองง่าย ๆ ทุกวัน ไม่พึ่งยาหรือง้อฟิตเนส

ฟิตตัวเองง่าย ๆ ทุกวัน ไม่พึ่งยาหรือง้อฟิตเนส



ฟิตตัวเองง่ายๆทุกวัน ไม่พึ่งยาหรือง้อฟิตเนส (ไทยโพสต์)

การเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีส่งผลให้คนเกิดการเคลื่ อนไหวน้อยลง เพราะคนได้สร้างเครื่องทุ่นแรงที่ทำให้เกิดความสบายใ นชีวิตมากขึ้น เช่น การเดินขึ้น-ลงบันไดแทบจะไม่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคนทำงานทั ่ว ๆ ไป ซึ่งมักจะใช้ลิฟต์หรือบันไดเลื่อนแทน จึงทำให้คนขาดการออกกำลังเพราะใช้เครื่องทุนแรงมากเก ินไป เป็นบ่อเกิดของโรคภัยต่าง ๆ ที่มักเกิดขึ้นกับคนที่ขาดการออกกำลังกาย

โดย เฉพาะ "โรคอ้วน" คืบคลานเข้ามาทำร้ายร่างกายโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ซึ่งโรคเหล่านี้สามารถที่จะป้องกันและรักษาได้โดยการ ออกกำลังกายอย่างถูก ต้องเหมาะสม

รศ.ดร.กัลยา กิจบุญชู สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ทรรศนะว่า การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่จำเป็นของทุกเพศทุกวัย เพราะการออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์อย่างมหาศาล ช่วยทำให้ระบบอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายเกิดการเคลื่อนไหว แข็งแรง ร่างกายมีการพัฒนาการตามวัย ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ช่วยให้จิตใจแจ่มใส ผ่อนคลายความเครียด ไม่ซึมเศร้า ไม่วิตกกังวล นอนหลับสบาย รวมถึงการช่วยในเรื่องของควบคุมน้ำหนักตัว และบุคลิกภาพดีอีกด้วย

แต่ ปัจจุบันกลับพบว่าคนส่วนใหญ่ขาดการออกกำลังกายที่เหม าะสม และไม่สม่ำเสมอ ไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ แถมยังรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ จึงทำให้เกิดโรคอ้วนได้อย่างง่ายดาย และกลายเป็นปัญหาเรื้อรังในที่สุด ดังนั้นจึงควรปลูกฝังนิสัยให้รักการออกกำลังกายตั้งแ ต่ในวัยเด็ก

"หลากหลายปัญหาที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อใช้เป็นข้ออ ้างที่จะไม่ต้องออก กำลังกาย เช่น อ้างว่าใช้เวลาไปกับการทำงานจนไม่มีเวลาออกกำลังกายบ ้าง อ้างว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ฝืนใจไม่ชอบทำบ้าง อ้างว่าเด็กเกินไปหรืออายุมากเกินไปที่จะออกกำลังกาย บ้าง อ้างว่าป่วย ไม่มีแรงออกกำลังกายบ้าง และอีกสารพัดเหตุผลที่ถูกนำมาเป็นข้ออ้าง แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นหากรู้ที่จะนำมาดัดแปลง ประยุกต์ให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวัน ก็จะกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนหยิบฉวยมาใช้เพื่อ ออกกำลังกายอย่างได้ผล น่าอัศจรรย์" อาจารย์กัลยากล่าว

พร้อม กับยกตัวอย่างคือ การเดินขึ้น-ลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์, การเดินหรือขี่จักรยานไปซื้อของแทนการขับรถยนต์, การทำสวน ปลูกต้นไม้ภายในบ้าน, การทำงานบ้าน, การประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ออกกำลังกายง่าย ๆ ไว้ใช้เองแทนการไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ซึ่ง ต้องเสียเงินเยอะมาก ซึ่ง อุปกรณ์ดังกล่าวมีประสิทธิภาพเทียบเท่าอุปกรณ์ในฟิตเ นสเซ็นเตอร์เลยทีเดียว เพราะอุปกรณ์เหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาจากการเลียนแบบช ีวิตประจำวันทั้งสิ้น นอกจากนี้มีคนบางกลุ่มโดยเฉพาะวัยรุ่นและสุภาพสตรี มักนิยมซื้อผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน ควบคุมน้ำหนักมารับประทานเพราะอยากเห็นผลเร็ว ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตอย่างมากดังที่เห็นเป็นข่าวท ุกวันนี้

ขณะที่ รศ.ดร.ประพัฒน์ ลักษณพิสุทธิ์ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การออกกำลังกายจริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องไปที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ หรือ หากไม่มีเวลาไปออกกำลังกายกลางแจ้งจริง ๆ ก็สามารถออกกำลังกายในร่มแบบไอโซเมตริก (Isometric Exercise) แทนได้ เพราะการออกกำลังกายแบบนี้เป็นประเภทหนึ่งของการฝึกค วามแข็งแรง


การบีบมือก็เป็นหนึ่งในการออกกำลังกายแบบไอโซเมตริก

ลักษณะของการออกกำลังกายแบบนี้ กล้ามเนื้อจะหดตัวแบบมีการเกร็งเพื่อต้านกับแรงชนิดท ี่ไม่เคลื่อนที่ เช่น การออกแรงโดยการยืนใช้ฝ่ามือดันกำแพง การออกแรงบีบลูกเทนนิส การกำหมัดให้แน่นแล้วคลายออก โดยอาจออกแรงในช่วงเวลาสั้น ๆ หรือช่วงเวลายาวนานก็ได้ ทำซ้ำเช่นนี้หลาย ๆ ครั้งเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง สามารถทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงขึ้น

ส่วน ผู้ที่มีเวลาน้อย ไม่อยากไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ หรือหากอยู่ในสถานที่ทำงานที่มีบริเวณพื้นที่จำกัด สามารถออกกำลังกายประเภทนี้ได้ เช่น ขณะ นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ที่ทำงาน อาจออกแรงมือหรือแขนกดดันไปที่ที่เท้าแขนของเก้าอี้ หรือออกแรงให้ฝ่าเท้าทั้งสองข้างกดลงไปที่พื้น หรือพนมมือระหว่างอก ออกแรงดันฝ่ามือทั้งสองเข้าหากัน เป็นต้น ซึ่งสามารถออกกำลังกายได้ ตลอดเวลาที่นึกขึ้นได้ จะช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย ถ้าจะให้ดีขึ้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วนั่งกลับลงไปที่เก้าอี้ ขึ้นลงเช่นนี้ 5-10 ครั้ง เลือดลมไหลเวียนสะดวก ร่างกายจะเกิดความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างท ันตาเห็น

อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายโดยการให้ร่างกายทำงาน ทั้งแบบกล้ามเนื้อหดสั้นเข้ามา เช่น ยกดัมเบลล์แบบงอข้อศอกให้แขนท่อนล่างชิดแขนท่อนบนหลา ย ๆ ครั้ง และ/หรือแบบกล้ามเนื้อเหยียดยืดออกไป เช่น งอข้อศอกให้แขนท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบนในมือถือห นังสือ 300 หน้า 1 เล่ม ออกกำลังแขนด้วยการเพิ่มมุมข้อศอกให้มากขึ้น โดยการเหยียดแขนให้แขนท่อนล่างทำมุมกับแขนท่อนบนมากข ึ้น รวมทั้งการให้กล้ามเนื้อหดตัวแบบความยาวของกล้ามและม ุมของข้อต่อคงที่ จะเป็นวิธีการออกกำลังกายที่ดีที่สุด

ทั้ง นี้ การออกกำลังกายที่ดีและให้คุณประโยชน์สูงสุดนั้นต้อง เหมาะสมกับช่วงวัยด้วย กล่าวคือ เด็กอายุ 1-3 ปี ควรเล่นและออกกำลังกายเป็นครั้งคราว โดยใช้กิจกรรมทักษะเคลื่อนไหวพื้นฐาน เช่น เดิน วิ่ง และกระโดด

อายุ 4-6 ปี ควรได้ใช้ทุกอย่างของร่างกายในการออกกำลัง เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ เล่นกายบริหาร ถีบจักรยาน กิจกรรมเลียนแบบและเกมเบ็ดเตล็ด

อายุ 7-11 ปี ควรออกกำลังกายทุกส่วนของร่างกายเพื่อให้เกิดความคล่ องแคล่ว เช่น เล่นกีฬา เล่นเกมที่ยากขึ้น

อายุ 12-17 ปี ออกกำลังกายครบทุกส่วน เน้นที่สมรรถภาพของร่างกาย และพัฒนาทักษะทางกลไกให้มีการทำงานที่สัมพันธ์กัน เช่น วิ่ง ถีบจักรยาน เล่นบาสเกตบอล วอลเลย์บอล ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก เต้นรำ แบดมินตัน ฯลฯ

อายุ 18-35 ปี ออกกำลังกายได้ทุกรูปแบบ เน้นความหลากหลายเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อให้ครบทุกส่วนข องร่างกาย และเน้นการออกกำลังกายเป็นกิจวัตรประจำวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 20-30 นาที

อายุ 36-59 ปี การออกกำลังกายต้องมีหลายรูปแบบ และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับร่างกาย เวลา สถานที่



หากอายุ 45 ขึ้นไปควร ตรวจร่างกายและการทำงานของหัวใจ ควรออกกำลังกายที่เคยทำ แต่ลดความเร็วและความหนักลง ในวันที่ไม่ได้ออกกำลังก็ควรมีกิจกรรมที่ออกแรง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

อายุ 60 ปีขึ้นไป การ ออกกำลังกายมีข้อจำกัด ต้องยึดแนวทางปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นอาจจะเกิดโทษต่อสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มออกกำลังกาย โดยเฉพาะการทำงานของหัวใจ กิจกรรมที่ทำควรเป็นแบบเบา ๆ เช่น เดิน วิ่งเหยาะ ๆ รำมวยจีน รำกระบอง ไม่ควรออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น