วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

สยบ 'ภูมิแพ้' ด้วยอาหาร

|0 ความคิดเห็น
สยบ 'ภูมิแพ้' ด้วยอาหาร

โรคภูมิแพ้เป็นโรคประจำตัวอันดับต้นๆ ของคนเมือง ที่ชีวิตพัวพันอยู่กับฝุ่นละอองจากควันรถยนต์ โดยเฉพาะในเด็กและวัยรุ่นมีผู้ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้มาก กว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งสาเหตุของการเกิดโรคก็มีทั้งมาจากมลพิษในอากาศแล ะสิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยน แปลงไป การขาดการออกกำลังกาย กรรมพันธุ์ อาหารที่รับประทานเข้าไป แต่ถ้าเรารู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และ เหมาะสม จากสาเหตุของการเกิดโรค ก็อาจเปลี่ยนเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันการเกิดอากา รภูมิแพ้ได้เช่นกัน


การ ทานอาหารสำหรับคนเป็นภูมิแพ้ถือว่าไม่ยุ่งยากเหมือนก ับวิถีการกินของ ผู้ป่วยที่เป็นโรคอื่นๆ โดยผู้ที่เป็นภูมิแพ้อาจต้องเลือกรับประทานอาหารที่ต ้องคำนึงถึงฤทธิ์ร้อน และฤทธิ์เย็น เพราะถ้าร่างกายของเราไม่มีความสมดุล มีภาวะร้อนเกินหรือเย็นเกิน ร่างกายจะแสดงอาการป่วยและภาวะของโรคต่างๆ ออกมา


เมืองไทยเป็นประเทศเมืองร้อน คนส่วนใหญ่จะมีร่างกายในเชิงฤทธิ์ร้อนมากกว่าชาวตะวั นตก ดังนั้นควรเลือกรับประทานประเภทฤทธิ์เย็น เช่น การทานผักผลไม้ สมุนไพร หรือน้ำพริก แต่ทว่าในปัจจุบันหลายๆ คนมักทานอาหารเลียนแบบชาวตะวันตก ชนิดที่ว่าเน้นเนื้อนมไข่ จำพวกแฮมเบอร์เกอร์ มันฝรั่งทอด ขนมเค้ก


ซึ่งอาหารพวกนี้มีน้ำตาล และ ไขมันสูง ส่งผลให้ร่างกายเพิ่มความเป็นฤทธิ์ร้อนมากขึ้น โดยจะมีอาการที่แสดงออกทางรางกายจากภาวะเสียสมดุลเพร าะมีความเป็นฤทธิ์ร้อน มากเกินไป เช่น หน้าแดง ตาขาวเริ่มมีสีแดง อุณหภูมิในร่างกายสูง และด้วยอาการดังกล่าวก็ส่งผลให้โอกาสที่จะเกิดผื่นคั น ภูมิแพ้ก็มีสูง


ทั้งนี้โรคภูมิแพ้ซึ่งเป็นโรคซึ่งเกิดจากสภาวะร้อนภา ยในร่างกายมาก และเกิดการสะสมมานาน ผู้ป่วยจึงควรเร่งปรับสมดุลให้ร่างกายด้วยการรับประท านอาหารฤทธิ์เย็นอย่าง สม่ำเสมอและต่อเนื่อง พร้อมทั้งหลีกเลี่ยงอาหารดังนี้คือ

อย่าได้แตะถ้าเป็นภูมิแพ้
- หลีกเลี่ยงอาหารในกลุ่มที่มีคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ
- หลีกเลี่ยงผลิตภัณฑ์จากนม เช่น เค้ก เบเกอรี่ ไอศกรีม ช็อกโกแลต
- หลีกเลี่ยงสารเคมีปรุงแต่งอาหาร และสารปนเปื้อน เช่น ฟอร์มาลินในอาหารทะเล สีสังเคราะห์ สารกันบูด ผงชูรส ยาฆ่าแมลง
- เลือกรับประทานผัก และผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ(Antioxidant) หรือยาธรรมชาติ ช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคหวัด ภูมิแพ้ ติดเชื้อง่าย
- เลือกรับประทานอาหารที่ใช้น้ำมันไม่ผ่านความร้อน
- ใช้เครื่องปรุงธรรมชาติ เช่น ซีอิ๊วหมักธรรมชาติ,มิโซะ, เต้าเจี้ยว, บ๊วยดอง, ขิง เป็นต้น


เมนูแนะนำเพื่อสู้ภูมิแพ้
เช้า สลัดไก่และน้ำมันมะกอก ซุปฟักทองราดน้ำมันงา ข้าวโพดต้ม 1 ฟัก น้ำมะพร้าวพร้อมเนื้อ
กลางวัน ข้าวกล้องโรยงาดำ ปลาแซลมอลนึ่งพร้อมผักออร์แกนิกและน้ำจิ้มแจ่วน้ำส้ม หรือน้ำฝรั่งคั้นสด กล้วยน้ำว้า 2 ลูก

เย็น
ข้าวกล้อง แกงส้มปลาช่อน ยำใหญ่ใส่สารพัด น้ำถั่วเขียวต้มใส่ขิง เพื่อเพิ่มความร้อนให้แก่ร่างกายในฤดูหนาว
เมนูเสริม ต้มยำไก่บ้าน ปอเปี๊ยสดใส่กุ้ง แหนมเนือง โซบะน้ำใส่มิโซะหมู

ข้อควรปฎิบัติในการดำน้ำ

|0 ความคิดเห็น
ข้อควรปฎิบัติในการดำน้ำ


ข้อควรปฎิบัติในการดำน้ำ (อสท)

"การดำน้ำ" ถือเป็นกิจกรรมทางน้ำที่ได้รับความนิยมมากชนิดหนึ่ง เพราะเสมือนได้เปิดโลกกว้างไปยลโฉมความงดงามใต้ท้องท ะเล จึงไม่ต้องแปลกใจหากในปี ๆ หนึ่ง จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปดำน้ำในสถานที่ต่าง ๆ เป็นจำนวนมาก อีกทั้งทะเลไทย ไม่ว่าจะเป็นทางฝั่งอันดามันหรืออ่าวไทย ก็จัดได้ว่าสวยงามจนติดอันดับโลกหลายที่ แต่กิจกรรมการดำน้ำต้องยึดเอาความปลอดภัยเป็นเรื่องท ี่สำคัญ เพราะฉะนั้น วันนี้เรามีข้อควรปฎิบัติในการดำน้ำมาบอกกันด้วยค่ะ

1. ความปลอดภัย

ไม่ดื่มสุราหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนการดำน้ำตื้ นและดำน้ำลึก

รับประทานอาหารในระดับที่เหมาะสม ไม่ควรรับประทานแบบอิ่มจัดก่อนการดำน้ำตื้นและดำน้ำล ึก

ให้ว่ายน้ำใกล้ท่าเทียบเรือ ใกล้เรือที่จอดอยู่ หรือบริเวณที่มีเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยอยู่

มีการจัดเจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยให้แก่นักดำ น้ำ บริเวณชายฝั่ง บนท่าเทียบเรือ หรือบนเรือ

ควรดำน้ำเป็นคู่ หรือมีเพื่อนดำน้ำด้วย

หาก ประสบปัญหาในขณะดำน้ำ ให้ยกมือข้างหนึ่งข้างโบกไปมาเหนือศรีษะ และให้ฟังข้อแนะนำจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอย่ างระมัดระวัง ในขณะที่ได้รับความช่วยเหลือ

ไม่ดำน้ำในบริเวณเข้า-ออกของเรือ หรือบริเวณจุดจอดเรือ

ขณะ ไปดำน้ำ สิ่งที่อันตรายที่สุดคือ โดนเรือชน หรือถูกใบพัดเรือฟัน นักดำน้ำจึงควรป้องกันระวังตัวเองด้วยการไม่ว่ายเข้า ใกล้เรือ ขณะเรือวิ่งเป็นอันขาด หากว่าเรือวิ่งเข้าให้เงยหน้ามองเรือ ผู้ขับเรือจะเห็นได้ชัดเจน

ควรดำน้ำในช่วงเวลาและสถานที่ซึ่งผู้ควบคุมกำหนดให้ หลีกเลี่ยงช่วงที่มีคลื่น หรือกระแสน้ำแรง

การดำน้ำลึกแบบสกูบาต้องมีบัตรดำน้ำ ควรปฏิบัติตามกฎอย่างเคร่งครัด และอย่าเรียนด้วยตัวเอง

คำ เตือนของเจ้าหน้าที่ ผู้ดูแล และลูกเรือ เป็นสิ่งสำคัญมาก ผู้ดำน้ำจึงควรรับผิดชอบตัวเองและปฏิบัติตามกฎหมายอย ่างเคร่งครัด เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายถึงชีวิต

2. การเตรียมอุปกรณ์ในการดำน้ำลึก

ใช้ตะกั่วถ่วงน้ำหนักให้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อป้องกันการจมลงไปกระแทกแนวปะการัง เราสามารถควบคุมการลอยตัวได้ โดยการใช้ตะกั่วน้ำหนักที่สมดุลกับร่างกาย และควบคุมลมหายใจ

ควรตรวจให้แน่ใจว่าอุปกรณ์มีขนาดพอดีกับตัวเอง เพราะหากอยู่ในน้ำจะปรับหรือเปลี่ยนได้ยาก

ควรสวมชูชีพขณะดำน้ำไว้ตลอดเวลา

ระหว่างอยู่ใต้น้ำหรือผิวน้ำ ควรตรวจสอบอุปกรณ์อยู่เสมอว่ายังอยู่กับตัวตลอดเวลา และใช้งานได้ดี

อุปกรณ์การถ่ายภาพอาจมีผลต่อการดำน้ำในเรื่องการลอยต ัว และเคลื่อนที่ในน้ำ อย่าวางอุปกรณ์ต่าง ๆ หรือของแปลกปลอมลงบนปะการังเมื่อต้องการถ่ายภาพ

เก็บอุปกรณ์ที่เป็นสายระโยงระยางให้เรียบร้อย สายอากาศสำรอง หรือสายวัดอากาศมักลากไปเกี่ยวกับปะการังอยู่เสมอ

รัดเข็มขัดตะกั่วให้เรียบร้อย เพราะถ้าหากเข็มขัดตะกั่วตกลงไป จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ปะการังได้

3. การเตรียมอุปกรณ์ดำน้ำตื้น

หน้ากาก (Mask) ช่วยไม่ให้น้ำสัมผัสกับหน้าและจมูกของคุณ หน้ากากทำจากยางซิลิโคนนิ่ม ๆ มีสายรัดหน้ากากที่สามารถปรับแต่งให้กระชับได้ กระจกเป็นชนิดที่ทนต่อแรงดันของน้ำ และในบางรุ่นจะมีวาล์วระบายน้ำ เวลาที่น้ำเข้าหน้ากาก

เสื้อชูชีพ ต้องรัดสายทุกเส้นถูกต้องและกระชับ โดยเฉพาะสายรัดเป้า ปัญหาที่พบเมื่อไม่รัดให้ถูกต้อง เวลาลงน้ำชูชีพจะลอยขึ้นมาดันคอหรือท่อหายใจ และที่สำคัญเสื้อชูชีพควรมีนกหวีด เพื่อไว้ใช้ในกรณีขอความช่วยเหลือเมื่ออยู่ห่างจากท่ าเรือ หรือเกิดกรณีฉุกเฉิน

ท่อหายใจ (Snorkel) ช่วยให้คุณก้มหน้ากับผิวน้ำได้เป็นเวลานาน โดยไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมาหายใจ ท่อหายใจมีให้เลือกหลายแบบ ทั้งแบบธรรมดาและชนิดที่มีวาล์วระบายน้ำ เพื่อความสะดวกในการระบายน้ำออก เมื่อมีน้ำเข้าท่อหายใจ

ตีบกบ (Fins) ช่วยทำให้เคลื่อนไหวสะดวกเวลาอยู่ในน้ำ เพราะในน้ำเราใช้เท้าเคลื่อนไหวมากกว่ามือ เมื่อใส่ตีนกบแล้วจะเพิ่มประสิทธิภาพในการเคลื่อนไหว ได้เร็วขึ้น ซึ่งตีนกบมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบเปิดส้น (Open-heel fins) ซึ่งต้องสวมบูตก่อนแล้วจึงสวมตีนกบ และแบบปิดส้น (Full-heel fins) ซึ่งสามารถสวมตีนกบได้เลย เหมือนสวมรองเท้าปกติ ในการดำน้ำตื้นนิยมใช้แบบปิดส้นมากกว่า


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

ฟิตตัวเองง่าย ๆ ทุกวัน ไม่พึ่งยาหรือง้อฟิตเนส

|0 ความคิดเห็น
ฟิตตัวเองง่าย ๆ ทุกวัน ไม่พึ่งยาหรือง้อฟิตเนส



ฟิตตัวเองง่ายๆทุกวัน ไม่พึ่งยาหรือง้อฟิตเนส (ไทยโพสต์)

การเจริญก้าวหน้าของเทคโนโลยีส่งผลให้คนเกิดการเคลื่ อนไหวน้อยลง เพราะคนได้สร้างเครื่องทุ่นแรงที่ทำให้เกิดความสบายใ นชีวิตมากขึ้น เช่น การเดินขึ้น-ลงบันไดแทบจะไม่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันของคนทำงานทั ่ว ๆ ไป ซึ่งมักจะใช้ลิฟต์หรือบันไดเลื่อนแทน จึงทำให้คนขาดการออกกำลังเพราะใช้เครื่องทุนแรงมากเก ินไป เป็นบ่อเกิดของโรคภัยต่าง ๆ ที่มักเกิดขึ้นกับคนที่ขาดการออกกำลังกาย

โดย เฉพาะ "โรคอ้วน" คืบคลานเข้ามาทำร้ายร่างกายโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ซึ่งโรคเหล่านี้สามารถที่จะป้องกันและรักษาได้โดยการ ออกกำลังกายอย่างถูก ต้องเหมาะสม

รศ.ดร.กัลยา กิจบุญชู สถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ทรรศนะว่า การออกกำลังกายเป็นสิ่งที่จำเป็นของทุกเพศทุกวัย เพราะการออกกำลังกายนั้นมีประโยชน์อย่างมหาศาล ช่วยทำให้ระบบอวัยวะต่าง ๆ ภายในร่างกายเกิดการเคลื่อนไหว แข็งแรง ร่างกายมีการพัฒนาการตามวัย ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ช่วยให้จิตใจแจ่มใส ผ่อนคลายความเครียด ไม่ซึมเศร้า ไม่วิตกกังวล นอนหลับสบาย รวมถึงการช่วยในเรื่องของควบคุมน้ำหนักตัว และบุคลิกภาพดีอีกด้วย

แต่ ปัจจุบันกลับพบว่าคนส่วนใหญ่ขาดการออกกำลังกายที่เหม าะสม และไม่สม่ำเสมอ ไม่มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพ แถมยังรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ จึงทำให้เกิดโรคอ้วนได้อย่างง่ายดาย และกลายเป็นปัญหาเรื้อรังในที่สุด ดังนั้นจึงควรปลูกฝังนิสัยให้รักการออกกำลังกายตั้งแ ต่ในวัยเด็ก

"หลากหลายปัญหาที่มักถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อใช้เป็นข้ออ ้างที่จะไม่ต้องออก กำลังกาย เช่น อ้างว่าใช้เวลาไปกับการทำงานจนไม่มีเวลาออกกำลังกายบ ้าง อ้างว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ฝืนใจไม่ชอบทำบ้าง อ้างว่าเด็กเกินไปหรืออายุมากเกินไปที่จะออกกำลังกาย บ้าง อ้างว่าป่วย ไม่มีแรงออกกำลังกายบ้าง และอีกสารพัดเหตุผลที่ถูกนำมาเป็นข้ออ้าง แต่หารู้ไม่ว่าสิ่งเหล่านั้นหากรู้ที่จะนำมาดัดแปลง ประยุกต์ให้เหมาะสมกับชีวิตประจำวัน ก็จะกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวที่ทุกคนหยิบฉวยมาใช้เพื่อ ออกกำลังกายอย่างได้ผล น่าอัศจรรย์" อาจารย์กัลยากล่าว

พร้อม กับยกตัวอย่างคือ การเดินขึ้น-ลงบันไดแทนการใช้ลิฟต์, การเดินหรือขี่จักรยานไปซื้อของแทนการขับรถยนต์, การทำสวน ปลูกต้นไม้ภายในบ้าน, การทำงานบ้าน, การประดิษฐ์อุปกรณ์ที่ใช้ออกกำลังกายง่าย ๆ ไว้ใช้เองแทนการไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ซึ่ง ต้องเสียเงินเยอะมาก ซึ่ง อุปกรณ์ดังกล่าวมีประสิทธิภาพเทียบเท่าอุปกรณ์ในฟิตเ นสเซ็นเตอร์เลยทีเดียว เพราะอุปกรณ์เหล่านั้นถูกสร้างขึ้นมาจากการเลียนแบบช ีวิตประจำวันทั้งสิ้น นอกจากนี้มีคนบางกลุ่มโดยเฉพาะวัยรุ่นและสุภาพสตรี มักนิยมซื้อผลิตภัณฑ์ลดความอ้วน ควบคุมน้ำหนักมารับประทานเพราะอยากเห็นผลเร็ว ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตอย่างมากดังที่เห็นเป็นข่าวท ุกวันนี้

ขณะที่ รศ.ดร.ประพัฒน์ ลักษณพิสุทธิ์ คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวเพิ่มเติมว่า การออกกำลังกายจริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องไปที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ หรือ หากไม่มีเวลาไปออกกำลังกายกลางแจ้งจริง ๆ ก็สามารถออกกำลังกายในร่มแบบไอโซเมตริก (Isometric Exercise) แทนได้ เพราะการออกกำลังกายแบบนี้เป็นประเภทหนึ่งของการฝึกค วามแข็งแรง


การบีบมือก็เป็นหนึ่งในการออกกำลังกายแบบไอโซเมตริก

ลักษณะของการออกกำลังกายแบบนี้ กล้ามเนื้อจะหดตัวแบบมีการเกร็งเพื่อต้านกับแรงชนิดท ี่ไม่เคลื่อนที่ เช่น การออกแรงโดยการยืนใช้ฝ่ามือดันกำแพง การออกแรงบีบลูกเทนนิส การกำหมัดให้แน่นแล้วคลายออก โดยอาจออกแรงในช่วงเวลาสั้น ๆ หรือช่วงเวลายาวนานก็ได้ ทำซ้ำเช่นนี้หลาย ๆ ครั้งเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง สามารถทำให้กล้ามเนื้อมีความแข็งแรงขึ้น

ส่วน ผู้ที่มีเวลาน้อย ไม่อยากไปออกกำลังกายที่ฟิตเนสเซ็นเตอร์ หรือหากอยู่ในสถานที่ทำงานที่มีบริเวณพื้นที่จำกัด สามารถออกกำลังกายประเภทนี้ได้ เช่น ขณะ นั่งอยู่บนเก้าอี้ที่ที่ทำงาน อาจออกแรงมือหรือแขนกดดันไปที่ที่เท้าแขนของเก้าอี้ หรือออกแรงให้ฝ่าเท้าทั้งสองข้างกดลงไปที่พื้น หรือพนมมือระหว่างอก ออกแรงดันฝ่ามือทั้งสองเข้าหากัน เป็นต้น ซึ่งสามารถออกกำลังกายได้ ตลอดเวลาที่นึกขึ้นได้ จะช่วยให้เกิดการผ่อนคลาย ถ้าจะให้ดีขึ้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วนั่งกลับลงไปที่เก้าอี้ ขึ้นลงเช่นนี้ 5-10 ครั้ง เลือดลมไหลเวียนสะดวก ร่างกายจะเกิดความสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาอย่างท ันตาเห็น

อย่างไรก็ตาม การออกกำลังกายโดยการให้ร่างกายทำงาน ทั้งแบบกล้ามเนื้อหดสั้นเข้ามา เช่น ยกดัมเบลล์แบบงอข้อศอกให้แขนท่อนล่างชิดแขนท่อนบนหลา ย ๆ ครั้ง และ/หรือแบบกล้ามเนื้อเหยียดยืดออกไป เช่น งอข้อศอกให้แขนท่อนล่างตั้งฉากกับแขนท่อนบนในมือถือห นังสือ 300 หน้า 1 เล่ม ออกกำลังแขนด้วยการเพิ่มมุมข้อศอกให้มากขึ้น โดยการเหยียดแขนให้แขนท่อนล่างทำมุมกับแขนท่อนบนมากข ึ้น รวมทั้งการให้กล้ามเนื้อหดตัวแบบความยาวของกล้ามและม ุมของข้อต่อคงที่ จะเป็นวิธีการออกกำลังกายที่ดีที่สุด

ทั้ง นี้ การออกกำลังกายที่ดีและให้คุณประโยชน์สูงสุดนั้นต้อง เหมาะสมกับช่วงวัยด้วย กล่าวคือ เด็กอายุ 1-3 ปี ควรเล่นและออกกำลังกายเป็นครั้งคราว โดยใช้กิจกรรมทักษะเคลื่อนไหวพื้นฐาน เช่น เดิน วิ่ง และกระโดด

อายุ 4-6 ปี ควรได้ใช้ทุกอย่างของร่างกายในการออกกำลัง เช่น วิ่ง ว่ายน้ำ เล่นกายบริหาร ถีบจักรยาน กิจกรรมเลียนแบบและเกมเบ็ดเตล็ด

อายุ 7-11 ปี ควรออกกำลังกายทุกส่วนของร่างกายเพื่อให้เกิดความคล่ องแคล่ว เช่น เล่นกีฬา เล่นเกมที่ยากขึ้น

อายุ 12-17 ปี ออกกำลังกายครบทุกส่วน เน้นที่สมรรถภาพของร่างกาย และพัฒนาทักษะทางกลไกให้มีการทำงานที่สัมพันธ์กัน เช่น วิ่ง ถีบจักรยาน เล่นบาสเกตบอล วอลเลย์บอล ว่ายน้ำ เต้นแอโรบิก เต้นรำ แบดมินตัน ฯลฯ

อายุ 18-35 ปี ออกกำลังกายได้ทุกรูปแบบ เน้นความหลากหลายเพื่อพัฒนากล้ามเนื้อให้ครบทุกส่วนข องร่างกาย และเน้นการออกกำลังกายเป็นกิจวัตรประจำวัน หรืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 20-30 นาที

อายุ 36-59 ปี การออกกำลังกายต้องมีหลายรูปแบบ และสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบให้เหมาะสมกับร่างกาย เวลา สถานที่



หากอายุ 45 ขึ้นไปควร ตรวจร่างกายและการทำงานของหัวใจ ควรออกกำลังกายที่เคยทำ แต่ลดความเร็วและความหนักลง ในวันที่ไม่ได้ออกกำลังก็ควรมีกิจกรรมที่ออกแรง เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ

อายุ 60 ปีขึ้นไป การ ออกกำลังกายมีข้อจำกัด ต้องยึดแนวทางปฏิบัติอย่างเคร่งครัด มิฉะนั้นอาจจะเกิดโทษต่อสุขภาพ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มออกกำลังกาย โดยเฉพาะการทำงานของหัวใจ กิจกรรมที่ทำควรเป็นแบบเบา ๆ เช่น เดิน วิ่งเหยาะ ๆ รำมวยจีน รำกระบอง ไม่ควรออกกำลังกายที่ใช้แรงมาก




ขอขอบคุณข้อมูลจาก

อัมพาต เพราะน้ำอัดลม

|0 ความคิดเห็น
อัมพาต เพราะน้ำอัดลม



ดร.โมเสส เอลิซาฟ อายุรแพทย์ หัวหน้าทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยไอโออันนินา เผยว่า
การดื่มน้ำอัดลมมากๆ (โดยเฉพาะ น้ำสีดำ) กำลังจะเป็นปัญหาใหญ่ เพราะนอกจากทำลายฟัน ทำให้ กระดูกผุ ส่งผลถึงระบบเมตาโบลิซึม และเป็นสาเหตุของเบาหวานแล้ว ยังก่อให้เกิดภาวะไฮโปคาเลเมียหรือโพแทสเซียมในเลือด ต่ำ ทำให้ กล้ามเนื้ออ่อนเพลีย ไม่มีแรง จนอาจถึงขั้นอัมพฤกษ์ อัมพาตอีกด้วย

จาก การเก็บข้อมูลในผู้ป่วยที่ดื่ม น้ำอัดลมวันละ 2 - 9 ลิตรต่อวันต่อเนื่อง เป็นประจำ พบว่า คนไข้มาพบหมอด้วย อาการเหนื่อยล้า กล้ามเนื้อไม่มีแรง ไม่อยากอาหาร คล้ายจะอาเจียนตลอดเวลา ผลการตรวจเลือดพบ โพแทสเซียมในเลือดต่ำและมีภาวะหลอดเลือดหัวใจอุดตันร ่วมด้วย แต่หลังจากให้หยุดดื่มน้ำอัดลมและหันมารับประทานอาหา รที่อุดมไปด้วย โพแทสเซียมแล้ว พบว่า อาการป่วยดังกล่าวหายไป

ประมาณ การกันว่า ในแต่ละปีคนทั้งโลกดื่มน้ำอัดลมราว 500 ล้านลิตร หรือประมาณ 80 ลิตรต่อ คน และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี โดยเฉพาะชาว อเมริกันที่ดื่มกันมากถึงคนละ 200 ลิตรต่อปี รู้อย่างนี้แล้วลดปริมาณการดื่มลงบ้างเพื่อ สุขภาพที่ดีกว่า

ความจริงของการตกหมอน

|0 ความคิดเห็น
ความจริงของการตกหมอน



เคย ตื่นนอนตอนเช้าแล้วเมื่อยต้นคอหรือปวดต้นคอจนเอี้ยวไ ม่ได้หรือก้มเงยก็ไม่ ได้บ้างไหม บางคนบอกทันทีว่านั่นละอาการตกหมอนละ จนหลายคนถึงกับนำหมอนไปตากแดดเพื่อแก้เคล็ดด้วยซ้ำไป ตกลงอาการที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่าการตกหมอน จริงๆ คืออะไร?
อาการที่เรียกกันว่านอนตกหมอนนั้น แท้ที่จริงแล้วไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการนอนตกหมอนเลย อาการปวดต้นคอนั้นเกิดจากความผิดปกติที่เอ็น กล้ามเนื้อ กระดูกหรือไขข้อกระดูกต้นคอ โดยอาจมีสาเหตุมาจากการนั่งเครียดอยู่กับงานตลอดทั้ง วัน การอ่านเขียนนานๆ การใช้คอมพิวเตอร์นานๆ รวมทั้งเกิดจากความเครียด สิ่งเหล่านี้เมื่อสะสมนานเข้าจะทำให้ปวดศีรษะ ปวดหลัง ปวดเอว และปวดต้นคอด้วย สาเหตุอีกอย่างหนึ่งคือการเล่นกีฬาที่ต้องใช้กล้ามเน ื้อคอมากๆ เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าก็จะปวดต้นคอได้เหมือนกัน



ข้อสำคัญก็คือ เมื่อเกิดอาการปวดต้นคอแล้ว ห้ามบีบนวดเป็นอันขาด เพราะกล้ามเนื้อจะชอกช้ำและอักเสบมากขึ้น
นี่คือเรื่องของอาการตกหมอนที่ไม่เกี่ยวอะไรกับหมอนเ ลย

สุดยอดเคล็ดลับไดเอ็ตแบบสุขภาพดีรับร้อน

|0 ความคิดเห็น
สุดยอดเคล็ดลับไดเอ็ตแบบสุขภาพดีรับร้อน




ซัมเมอร์ นี้ ลองปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์การกินและออกกำลังดูสักหน่อย เพื่อความสนุกในการได เอ็ตของคุณ ด้วยเคล็ดลับดีๆ ใหม่ๆ เหล่านี้ ที่จะช่วยให้คุณทั้งผอมเพรียวและสุขภาพดีรับลมร้อน จนใครๆ ก็พากันอิจฉาที่ได้เห็นคุณโชว์หุ่นสวยในชุดว่ายน้ำเล ยล่ะ

1. จำไว้ว่ายิ่งคุณจัดหนักกับมื้อเช้ามากเท่าไหร่ อัตราการเผาผลาญและการลดไขมันก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ อาจเป็นไข่กับขนมปังโฮลวีต โยเกิร์ตกับมูสลี่และผลไม้ หรือนมพร่องมันเนยกับผลไม้พวกเบอร์รี่และโปรตีนเชค

2. ลองดื่มชาเขียวหลังกินอาหารทุกมื้อ เพื่อช่วยสร้างการเผาผลาญไขมันและรับมือกับความอยากข องหวาน

3. ใช้เวลาอย่างน้อยสัปดาห์ละครึ่งชั่วโมง ถ้าจะให้ดีคือตอนดื่มกาแฟยามเช้าวันจันทร์ วางแผนในการควบคุมอาหารในแต่ละมื้อรวมทั้งของว่างไว้ ล่วงหน้า จำไว้ว่าการวางแผนจะทำให้คุณลดน้ำหนักได้ถึงเป้าหมาย อย่างมีประสิทธิภาพยิ่ง ขึ้น เมื่อคุณมีเมนูที่ต้องการไว้พร้อมในแต่ละสัปดาห์

4. เราทุกคนควรได้รับประทานผักหรือสลัดอย่างน้อยวันละ 3 ถ้วยตวง ในมื้อกลางวันควรมีสลัดอยู่ครึ่งหนึ่ง รวมทั้งช่วงของว่างและก่อนอาหารเย็น เตรียมผักสลัดใส่ถ้วยแช่ตู้เย็นไว้เพื่อความสดใหม่ ให้คุณได้กินพร้อมกันทั้งครอบครัว

5. สำหรับของว่าง พยายามจำกัดปริมาณ คาร์โบไฮเดรตทั้งหมดไม่ควรเกิน 30 กรัม และควรมีโปรตีนอย่างน้อย 5 กรัม เพื่อให้ได้แป้งน้อยลง ซึ่งโปรตีนจะยังช่วยให้คุณรู้สึกอิ่มได้โดยไม่ต้องได ้แคลอรีเกินกว่าที่กำหนดไว้

6. ตั้งเป้าไว้ว่าจะหาของกินทุก 3-4 ชั่วโมงในระหว่างวันเพื่อกระตุ้นเมตาบอลิซึ่ม
7. โปรตีนเชคเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับชดเชยพลังงานหลังออ กกำลังกาย หรือชาร์จพลังในมื้อเช้า รวมทั้งของว่างเหมาะกับคนที่มีไลฟ์สไตล์รีบเร่งในแต่ ละวัน

8. กินผักสดๆ เป็นของว่าง จะทำให้คุณได้รับวิตามินและแร่ธาตุ นอกจากนี้ ยังช่วยคุณจากความหิวปั่นป่วนในช่วงบ่ายได้

9. ย้ำอีกครั้งว่าการวางแผนนำไปสู่ความสำเร็จในการไดเอ็ ต พกพาของว่างโปรตีนสูงติดตัวไปกับคุณด้วย เพื่อที่คุณจะได้ไม่ต้องสรรหาของกินแคลอรีสูงมาระงับ ความหิว

10. หากคุณได้รับสารอาหารจากผักและโปรตีนมากเพียงพอในมื้ อกลางวัน คุณก็มีแนวโน้มที่จะเกิดอาการหิวขนมหวานๆ ในตอนบ่ายน้อยลง

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554

บั้นท้ายดำคล้ำ-แตกลาย ..แก้ไขได้

|0 ความคิดเห็น

แม้ว่า ก้น จะเป็นอีกจุดซ่อนเร้น ที่มิใช่ว่าใครจะมองเห็นได้ง่ายๆ เมื่อมีปัญหาบั้นท้ายดำคล้ำ หรือเกิดรอยแตกลาย จึงไม่น่าจะมีปัญหา ทว่าแท้จริงแล้วไม่เลยค่ะ เพราะมีสาวเราจำนวนไม่น้อยเลย ที่ต้องนั่งกลุ้มอกกลุ้มใจเมื่อก้นของเธอเต็มไปด้วยร อยกระดำกระด่าง
 
ก็สาวเราน่ะ ยอมได้ที่ไหน อยากสวยตั้งแต่เส้นผมจรดปลายเท้ากันทั้งนั้น แค่คิดว่าใส่บิกินี่ (Bikini) แล้ว รอยแตกลายโผล่ จนหนุ่มริมสระแอบหัวเราะคิกคัก ก็แทบเกินทน นี่ยังไม่นับความกังวลใจซึ่งสาวบางนาง ถึงกับไม่กล้าเปิดไฟกุ๊กกิ๊กกับแฟนหนุ่ม ด้วยกลัวจะถูกแซวเป็น “แม่สาวตูดลาย”


บั้นท้ายดำคล้ำ-แตกลาย ..แก้ไขได้

By Lady Manager
หลายคนเลือกใช้วิธีขัดถู หาสารพัดครีมมาทา หวังให้รอยดำที่บั้นท้ายได้จางลง แต่จนแล้วจนรอด ก็ยังไม่บรรเทา ซึ่งนั่นอาจเป็นเพราะคุณแก้ปัญหาไม่ถูกจุด!
ว่าแล้วเรามาเจาะลึกหาสาเหตุ พร้อมวิธีแก้ไขอย่างถูกต้อง เพื่อให้บั้นท้ายกลับมาไฉไลไปกับ แพทย์หญิงธิดากานต์ รุจิพัฒนกุล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังและเวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท กันค่ะ

สิว-แตกลาย-รอยดำ อาการฮิตที่พบบนบั้นท้าย
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังกล่าว ว่าอาการก้นลายมีอยู่ 3 ลักษณะด้วยกัน คือ ก้นลายจากรอยสิว, จากรอยผื่นแพ้, และจากรอยแตก อันเนื่องมาจากการที่ร่างกายเติบโตเร็ว
“ก้นลาย ก้นไม่สวย มีหลายลักษณะด้วยกัน หนึ่ง-ก้นลายจากการเป็นสิว เมื่อสิวหายก็ทำให้เกิดรอยดำ ดูกระดำกระด่าง แบบนี้จะเจอบ่อยที่สุด สอง-ก้นลายจากการเป็นรอยแตกลาย ซึ่งมีทั้งรอยแตกลายจากการที่ร่างกายเติบโตเร็ว ก็เกิดเป็นรอยแตกลายที่ก้นได้ หรือคนที่อ้วน คนที่ตั้งครรภ์ อันนี้ก็เกิดเป็นลายอีกลักษณะหนึ่ง และสาม-ก้นลายจากรอยดำ ที่เคยเป็นผื่นแพ้ เช่น เป็นผื่นผิวหนังอักเสบบริเวณก้นแล้วเหลือเป็นรอยดำตา มมา
สำหรับลักษณะของรอยแต่ละแบบมีความ ต่างกันเล็กน้อย แต่บางคนก็แยกไม่ออก หรือบางคนก็มีหลายอย่างปนกัน คือ มีทั้งแตกลายจากการโตเร็ว และมีทั้งรอยดำจากสิวปนกันไปหมด ทำให้ก้นไม่สวย”
รักษาสิวและเลี่ยงกางเกงอับ บันไดสู่บั้นท้ายเนี้ยบนิ้ง !
“วิธีการรักษาก้นลายจากสิวและจากผด ผื่นแตกต่างกันไป อย่างเช่น หากเกิดจากสิว เราต้องดูว่า มันเป็นสิวจริง หรือสิวผด หรือรูขุมขนอักเสบ ต้องแยกกันไป เพราะบางคนเป็นสิวจริง เหมือนกับสิวที่เกิดบนใบหน้า แบบนั้นวิธีรักษาก็จะเหมือนการรักษาสิวที่ใบหน้า แต่บางคนอาจเป็นลักษณะของผดร้อน เนื่องมาจากใส่กางเกงที่ระบายอากาศไม่ดี ตอนที่ออกกำลังกายแล้วก็เกิดเป็นผดร้อน เหมือนเวลาที่เด็กๆ มีผดร้อน หรืออาจจะเป็นรูขุมขนอักเสบ คือ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเหล่านี้ต้องให้แพทย์วินิจฉัย เพื่อที่จะแยกโรค เพราะการรักษาจะต่างกันเล็กน้อย
ดังนั้นการรักษาจะต้องรักษาสิวหรือผด ผื่นเสียก่อน หลังจากนั้นก็ดูเรื่องของรอยดำอีกที ซึ่งวิธีการรักษารอยดำไม่ต่างจากรอยดำบนใบหน้า คือ ใช้ยาในกลุ่ม ต้านการสร้างเม็ดสี หรือการใช้วิตามิน เช่น วิตามินซี (Vitamin C) ที่ช่วยลดรอยด่างดำ รวมไปถึงการใช้ กรดผลไม้ ทาเพื่อให้ผิวผลัดเซลล์ผิวเร็วขึ้น หรือใช้พวกเลเซอร์ไอพีแอล (IPL) เหมือน เวลาเรายิงเลเซอร์แก้ปัญหารอยดำของสิวบนใบหน้า ซึ่งนำเลเซอร์นี้มาใช้กับผิวบริเวณก้นได้เหมือนกัน” คุณหมอสาวอธิบายอธิบายถึงแนวทางการรักษาอาการก้นลาย ที่เกิดจากสิวและผดผื่น

ก้นแตกลายเพราะโตเร็ว รักษายาก! ต้องพึ่งพิงเลเซอร์


ส่วนการรักษาก้นลายอันเนื่องมาจากรอย แตก เพราะร่างกายเติบโตเร็วนั้น แพทย์สาวแห่งโรงพยาบาลสมิติเวช อธิบายตามตรงว่า รักษาได้ค่อนข้างยาก หากอยากบั้นท้ายนวลเนียนจริงๆ คงต้องพึ่งเลเซอร์ค่ะ
“ในส่วนของก้นลายที่เกิดจากรอยแตกลาย จะรักษาได้ยากนิดนึง เพราะว่ารอยแตกลาย มันไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีที่ผิวหนัง แต่มันเป็นเรื่องของคอลลาเจน (Collagen) ใต้ผิวหนัง มีการฉีกขาดจนทำให้เกิดเป็นเหมือนลักษณะผิวไม่เรียบ คือไม่ใช่แค่ว่ามันดำอย่างเดียว หรือว่าแดงอย่างเดียว ดังนั้นจึงรักษายากกว่า อาจจะต้องใช้พวกเลเซอร์กลุ่มผลัดเซลล์ผิวแบบแยกส่วน ซึ่งจะได้ผลดีพอสมควร”
วิธีบรรเทาป้องกันอาการก้นแตกลาย

“สมมุติว่าเราเป็นคนมีสิวที่ก้นง่าย ก็ไม่ควรใช้พวกโลชั่นที่มันมีส่วนผสมของน้ำมัน เพราะอาจทำให้เกิดการอุดตันมากขึ้น หรือบางคนชอบขัดผิว พวกนี้ทำมากไปก็ไม่ดี เช่นการใช้บอดี้สครับ (Body Scrub) ขัด รุนแรงมากๆ เช่นนี้ อาจเป็นการไปกระตุ้นให้เกิดการระคายเคือง หรือกระตุ้นให้เกิดสิวด้วยซ้ำ และการที่เราออกกำลังกาย แล้วใส่กางเกงที่อับไม่มีการระบายอากาศ ก็อาจจะทำให้เกิดผื่นเล็กๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายสิวได้เหมือนกัน
ส่วนการเลี่ยงรอยแตก คุณหมอธิดากานต์ยอมรับว่า
“ป้องกันยากค่ะ เพราะหนึ่ง-รอยแตกดังกล่าว เกิดขึ้นตอนร่างกายเราเติบโตในช่วงวัยรุ่น บางคนจะโตไว ร่างกายขยายไว และเกิดรอยแตกลายได้ ซึ่งป้องกันยาก เนื่องจากในช่วงวัยรุ่นเราจะไม่ให้ร่างกายเติบโตก็ไม ่ได้ ดังนั้นอาจจะทำได้แค่ ในช่วงที่กำลังโต พยายามทาโลชั่นเพื่อให้ผิวไม่แห้ง ซึ่งอาจจะช่วยได้ระดับหนึ่ง สอง-ในกรณีผู้ใหญ่ ต้องควบคุมน้ำหนัก อย่าให้น้ำหนักขึ้นเร็ว ลงเร็ว เพราะการที่อยู่ๆ น้ำหนักขึ้นเร็วมากๆ ตรงนี้แหละที่ทำให้เกิดรอยแตกลายขึ้น”
และสำหรับสาวก้นลายแต่กระเป๋าหนัก ที่มักปลีกเวลาเข้าสปา (Spa) หวังคืนความเนียนใสให้บั้นท้าย คุณหมอบอกว่า สามารถช่วยได้ในระดับหนึ่งค่ะ
“การเข้าสปาก็ช่วยได้ในแง่ที่ว่าทำ ให้ผิวเนียนขึ้น เพราะเทคนิคการนวดครีม หลักการก็คือ การพยายามทำให้ครีมเข้าสู่ผิวมากขึ้น เพราะปัญหาที่ต้องพบคือ เวลาที่เราทาครีมเข้าไป มันต้องผ่านชั้นผิวหนังหลายชั้น การที่ส่วนประกอบดีๆ ในครีมจะเข้าไปถึงชั้นคอลลาเจนจริงๆ ไม่รู้เท่าไหร่ ทาไปสิบ..อาจจะเข้าไปถึงชั้นคอลลาเจนแค่สอง
ดังนั้นเทคนิคของการทำสปา ไม่ว่าจะเป็นการนวดหรือการห่อตัวที่เขาใช้กัน หลักการคือ ต้องการให้ครีมเข้าสู่ผิว ยิ่งเข้าสู่ผิวเยอะ มันก็เห็นผลเยอะเท่านั้นเอง” คุณหมอธิดากานต์ให้ความรู้
*ต้องรู้ปิดท้าย: หญิงตั้งครรภ์เตรียมรับภาวะก้นลาย+ท้องลาย

คุณหมอคนสวยบอกด้วยว่า จะพบสภาวะก้นลายและหน้าท้องลายง่ายขึ้นกับกลุ่มสตรีห ลังตั้งครรภ์ อันเนื่องมาจากฮอร์โมนเพศที่เปลี่ยนแปลงระหว่างตั้งค รรภ์ค่ะ
“เพราะการตั้งครรภ์ ร่างกายจะขยายทุกส่วน และที่สำคัญคือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen Hormone) หรือฮอร์โมนเพศหญิง ซึ่งมีมากช่วงตั้งครรภ์ ฮอร์โมนตัวนี้มีคุณสมบัติข้อหนึ่งคือ ทำให้คอลลาเจนในร่างกายของเราอ่อนแอลง
เมื่อคอลลาเจนใต้ผิวหนังอ่อนแอลง มันก็จะทำให้เกิดการฉีกขาดได้มากขึ้น และพอร่างกายขยายมันก็ฉีกขาดจนเกิดรอยแตกตามมา ซึ่งตรงนี้มันยับยั้งไม่ได้ เพราะปริมาณฮอร์โมนเอสโตรเจนเยอะตามธรรมชาติของการตั ้งครรภ์ เราอาจจะทำได้แค่ดูแลให้น้ำหนักตัวขึ้นแค่ตามเกณฑ์ เช่น แพทย์แนะให้ขึ้น 12 กิโลกรัม แต่ดันขึ้นไปถึง 22 กิโลกรัม แบบนี้ร่างกายจะมีส่วนเกินเยอะ ก็จะเกิดรอยแตกลายง่าย
ส่วนโลชั่นที่ทาลดการแตกลาย นั้น จริงๆ แล้ว ยังไม่มีโลชั่นตัวไหนที่พิสูจน์ ว่าสามารถป้องกันรอยแตกได้ 100% เพียงแต่เชื่อกันว่า การใช้โลชั่นที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวจะทำให้การฉีกข าดของคอลลาเจนน้อยลง รอยแตกลายน้อยลง ถ้าผิวชุ่มชื้นขึ้น ก็เปรียบได้เหมือนกระดาษที่เปียก เมื่อเปียกจะเหนียวฉีกยาก ถ้าแห้ง ฉีกปุ๊บมันก็ขาด”

สูดไออุ่นหัวหอม ไล่หวัด-ลดน้ำมูก

|0 ความคิดเห็น
สูดไออุ่นหัวหอม ไล่หวัด-ลดน้ำมูก

อาการหวัด แม้จะเป็นง่าย แต่ก็หายช้า แถมช่วงที่มีน้ำมูกยังทำให้รู้สึกรำคาญ ถ้าน้ำมูกข้นเหนียวก็จะคัดจมูก หายใจไม่สะดวก แต่ถ้าน้ำมูกใส จ่อจะรอไหลออกมาให้คอยซับคอยสูด ทำให้เสียบุคลิก

‘สามัญประจำบ้าน’ เตรียมวิธีบรรเทาอาการหวัด ลดน้ำมูก ให้จมูกและลำคอรู้สึกโล่งหายใจได้สะดวกโดยไม่ต้องพึ่ งยาแต่เพียงอย่างเดียว วิธีนี้ลงทุนน้อย ไม่ยุ่งยาก และตัวช่วยที่นำมาใช้คือ ‘หัวหอม’ ที่มีกลิ่นฉุนนั่นเอง

หัวหอม อุดมด้วย เบตาแคโรทีน กรดโฟลิก ฟลาโวนอยด์เควอเซทิน แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม กำมะถัน และซีลีเนียม ไม่ว่าเราจะนำมารับประทานหรือเพียงแค่ใช้ประโยชน์จาก กลิ่น สารอาหารเหล่านี้ก็มีสรรพคุณเด่น คือ ช่วยแก้หวัด

สำหรับวิธีแก้หวัด ลดน้ำมูก ด้วยหัวหอมนั้น ให้นำหัวหอมขนาดกำลังดีลอกเปลือกแล้วทุบพอแหลก ใส่ลงไปในแก้วหรือชามที่ใส่น้ำร้อนรอไว้ จากนั้นนำผ้าขาวบางหรือผ้าเนื้อบางที่พอหาได้ปิดหุ้ม ที่ปากแก้วหรือชาม วางไว้ใกล้ตัวในตำแหน่งที่ไอของความร้อนลอยเข้าจมูกไ ด้ ในช่วงที่น้ำยังมีอุณหภูมิร้อนจะมีไอน้ำที่ผสมกับกลิ ่นของหัวหอมลอยขึ้นมา ให้พยายามสูดไอนั้นเข้าไปจะช่วยลดน้ำมูก บรรเทาอาการหวัดได้ ทั้งนี้สามารถใช้ได้ทั้งหอมแดงและหอมหัวใหญ่ แต่หอมหัวใหญ่จะให้กลิ่นที่ดีกว่า.