5 ความเชื่อผิดๆ ในเเบบฉบับมือถือ
อ่านแล้วต้องใช้วิจารณญาณนิดนึงนะครับ เพราะเป็นความเห็นส่วนตัวของเจ้าของบทความ
จริงไม่จริงแล้วแต่บุคคล โดยส่วนตัวคิดว่ามีเหตุผลพอสมควร
.
..
"มือถือ" คือชื่ออุปกรณ์ชนิดนึง หลักๆ ใช้สําหรับการโทรออกรับสาย ส่งข้อความติดต่อกับคนที่เรารู้จัก ส่วนลูกเล่นอื่นๆ ก็เเล้วเเต่รุ่นนั้นๆ ...
Posted: 28 June 2009 Read: 2316 Comment: 9
"มือถือ" คือชื่ออุปกรณ์ชนิดนึง หลักๆ ใช้สําหรับการโทรออกรับสาย ส่งข้อความติดต่อกับคนที่เรารู้จัก ส่วนลูกเล่นอื่นๆ ก็เเล้วเเต่รุ่นนั้นๆ จะยัดมาให้ตามราคาค่าตัว เเต่การใช้งานจริงๆ ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น หลายท่านยังคงมีความเชื่อเกี่ยวกับมือถือที่ผิดๆ อาจจะเป็นเพราะไม่รู้จริงๆ หรือมีผู้อื่นบอกมาก็เป็นได้ ดังนั้น ผมจึงมีข้อมูลที่ผู้ใช้มักจะเข้าใจผิดมาบอกเล่ากัน เเละลองทําความเข้าใจใหม่นะครับ
เริ่ดไว้ก่อน พ่อสอนไว้
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า สมัยนี้มีมือถือมากมายหลายรุ่นให้เลือกกัน เเต่สําหรับผู้ใช้กลุ่มนึงเเล้ว ซื้อมือถือตามแฟชั่น หรือตามดารา นักเเสดง (ทั้งไทย - ต่างประเทศ) ในยุคเเรกๆ ที่บูมกันก็คือไอโฟน 2G (ตอนนี้ 3Gs) ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงได้รับ ความนิยมจากผู้ใช้ที่มีฐานะมีอันจะกินอยู่ เเละเทรนด์ใหม่ที่กําลังมาเเรงเเซงเเหกโค้งอยู่ ณ บัด Now ก็คือ BlackBerry มือถือชื่อดังจากสหรัฐอเมริกา ด้วยเหตุเพราะคนดังในเเวดวงต่างๆ ใช้ (อย่างท่าน ปธน.โอบามางี้) เเละในไทยเองก็มีดารา นักเเสดงหลายท่านใช้เช่นกัน ไม่แปลกที่ตอนนี้กลายเป็นที่นิยมมากๆ สังเกตได้จากเเหล่งมือถือชื่อดังอย่าง MBK เห็นหลายร้านเอากล่อง BB มาโชว์เพียบ
ที่กล่าวมาทั้งหมด คงไม่ใช่อะไรนอกจาก การใช้มือถือตามเทรนด์มากเกินไป โดยไม่คิดว่า เงินที่เสียไปนั้น มันคุ้มค่ากับสิ่งที่เราได้มารึเปล่า ? หลายท่านอาจจะซื้อเพราะชอบ หากมีเงินเหลือกินเหลือใช้ก็ไม่ว่ากัน เเต่หากซื้อเเล้วเดือดร้อนเงินพ่อเเม่ ญาติสนิทมิตรสหาย ก็คงไม่ดีเเน่ เเละการใช้งานก็เช่นกัน ถ้าจะซื้อ BB มาใช้ Push Mail, รับส่ง Email-ข้อความบ่อยๆ ก็น่าจะเหมาะอยู่ เเต่เอามาควงโชว์ไปวันๆ โทรออกรับสาย ก็ลองคิดนะครับว่า คุณเสียตังหลักหมื่นเพื่ออะไรกันเเน่ ?
ก่อนจบหัวข้อนี้ ถ้าคุณอยากจะใช้ BB หรือไอโฟน ลองคิดดูซะก่อนว่า คุณยอมเสียตังซื้อมาเพื่ออะไร ? ใช้งานจริงๆ หรือเพียงเเค่กระเเสแฟชั่นนําพา เเต่ทั้งหมดนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ที่เหลือคุณนั่นเเหละ ต้องตัดสินใจเอง !!
ชาร์ตเเบตครึ่งวัน
หลายท่านคงเคยซื้อมือถือจากร้านตู้ หรือจากศูนย์อยู่บ่อยครั้ง หลังจากเราเทสเครื่องอะไรเรียบร้อยเเล้ว บางร้านคนขายจะบอกว่า ให้กลับไปใช้งานจนเเบตหมดนะ เเล้วค่อยชาร์ตทิ้งไว้ 8-12 ชม.(เผลอๆ มีติดต่อกัน 3 วันซะด้วย) เเต่ความเชื่อตรงนี้ มันสําหรับเครื่องยุค 5-6 ปีก่อนโน่น เเต่ปัจจุบันไม่จําเป็นละครับ
เเบตเตอรี่เมื่อก่อนจะใช้เเบบ นิเกิล เมทัลไฮไดร, นิเกิล เเคดเมียมอะไรพวกนั้น ซึ่งพวกนั้นต้องชาร์ตนานจริงๆ ครับ (เเบบถ่านชาร์ตในปัจจุบัน) เเต่เเบตเตอรี่มือถือเดี๋ยวนี้ (น่าจะหลายปีเเล้วล่ะ) ใช้อยู่ 2 ประเภทหลักๆ คือ Li-ion เเละ Li-Polymer ซึ่งไม่จําเป็นต้องชาร์ตค้างไว้นานขนาดนั้นละครับ เเค่เต็ม (1.30-2 ชม.) ก็เอาออกได้เเล้ว เเละถ้าหากชาร์ตนานกว่านั้นล่ะ จะเป็นอะไรมั้ย ?
คําตอบก็คือ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นครับ เพราะเมื่อเเรงดันไฟในเเบตเต็ม ตัวเซนเซอร์เเบตจะทําการตัดไฟทันที ดังนั้น ถึงคุณจะชาร์ตไป 5 ชม. 10 ชม. ก็ไร้ค่า ส่วนคําถามว่า เเบตเเบบไหน เหลือเท่าไหร่ชาร์ตได้ ? ตรงนี้ก็มีคําตอบอีกเช่นเดียวกันครับ Li-Polymer เเบตเเบบนี้ส่วนใหญ่จะเห็นในมือถือเเบรนด์ SE เเตกต่างจาก Li-ion คือ จะปล่อยให้หมดเเล้วชาร์ตก็ได้ เเต่ทางที่ดี เหลือสัก 1-2 ขีด ชาร์จได้เลย ส่วน Li-ion ยอดนิยม ไม่ควรปล่อยให้หมดเเล้วชาร์ต เพราะจะทําให้เเบตชาร์ตยาก เเละเสื่อมเร็วขึ้นกว่าเดิม เเนะนําว่า เหลือเท่าไหร่ก็ชาร์จไปเลย ไม่เสียหายจ้า
กล้องหลาย .. ล้านพิคเซล
ถ้าผู้อ่านได้ติดตามข่าวสารมือถือบ่อยๆ จะเห็นว่า เหล่าค่ายมือถือได้พัฒนากล้องติดมือถือลํ้าสมัยขึ้นเรื่อยๆ จาก 3.2MP ขึ้นมา 5MP ... เเละล่าสุดคือ 12 ล้านพิคเซล !! จะว่าไปก็จะเท่ากับกล้องคอมเเพคราคาราวๆ 7-8 พันบาทเข้าไปทุกทีเเล้วล่ะ เเถมลูกเล่นกล้อง เเทบไม่ต่างจากกล้องจริงเช่นเดียวกัน อย่าง Image Stabilizer, Face Detection, Smile Shot. ฯลฯ ซึ่งหลายๆ อย่าง ก็อํานวยความสะดวกให้กับผู้ใช้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม กล้องติดมือถือ ฤาจะสู้กล้องของจริงขนานเเท้ได้ (ชนะเเค่เพียงความสะดวกสบาย) เเม้ว่าจํานวนพิคเซลจะเท่ากัน เเต่ด้วยข้อจํากัดในด้านฮาร์ดเเวร์ ทําให้กล้องในมือถือ ต้องตัดโน่นตัดนี่ออกไปพอสมควร ทําให้คุณภาพรูป หรือการใช้งานยังไม่ดีเท่าควร ยอมรับว่าตอนนี้กล้องติดมือถือ (โดยเฉพาะเจ้า Pixon12 ข้องซัมซุง) ใกล้เคียงกับกล้องจริงๆ มาก เเต่ก็ต้องดูกันต่อละครับ ว่าคุณภาพจะดีหรือไม่ อย่างไร
ส่วนความจําเป็นในการใช้งาน ถ้า User ใช้งานเเค่ถ่ายรูปกลางเเจ้ง ถ่ายรูปทํางาน จิปาถะทั่วไป ใช้เเค่ 5 ล้านพิคเซลก็เพียงพอละครับ เพราะการอัดรูปขนาด 4x6 จะเเสดงผลสูงสุดเเค่ 5MP เท่านั้น เเต่ถ้าต้องการอัดรูปขนาดใหญ่กว่านั้น ก็อาจจะใช้เพียง 8MP ก็เพียงพอ เเละคําถามที่ถามว่า ยิ่งจํานวนพิคเซลเยอะๆ จะช่วยให้ภาพชัดขึ้นหรือไม่ ? คําตอบก็คือ ช่วยได้ส่วนนึงครับ เเต่ยังมีองค์ประกอบหลายๆ ด้านที่จะทําให้รูปออกมาดี อย่าง ฮาร์ดเเวร์, ซอฟเเวร์กล้อง, สภาวะที่เราถ่ายภาพตอนนั้น รวมถึงผู้ใช้งานเองด้วย เท่านี้ก็น่าจะหายสงสัยไปได้บ้างเเล้วล่ะ
เฮ้าส์เเบรนด์ห่วย อย่าไปใช้ เดี๋ยวเป็นเหมือนผม
ประโยคหัวเรื่องไม่ได้ดิสเครดิตเหล่าค่ายมือถือเเต่อย่างใดครับ เเต่เป็นคําพูดของหลายๆ คนที่อาจจะเคยเข็ดกับการใช้งานมือถือเฮ้าส์เเบรนด์ (พวกที่สั่งผลิตเเล้วเอามาตีตราในประเทศอย่างถูกกฎหมาย) คือซื้อมาสักพักเจ๊ง ไม่มีศูนย์ซ่อม อะไหล่ก็หายาก บลาๆ เเต่นั่นมันคือเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมาครับ เดี๋ยวนี้เขาพัฒนาเเล้ว ....
ต้องยอมรับเเล้วว่า ตลาดเฮาส์เเบรนด์ในเมืองไทยค่อนข้างเฟื่องฟูมากๆ โดยเฉพาะตามต่างจังหวัด เพราะมือถือเหล่านี้มีฟังก์ชั่นครบเครื่อง ทั้งจอสี วิทยุ MP3 บลูทูธ กล้อง เเถมมีทีวีอีกตะหาก เเต่ราคาขายนั้นกลับถูกอย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งเเบรนด์ที่ได้รับความนิยมในท้องตลาด เช่น ไอโมบาย, จีเน็ต, เวลคอม, .. ฯลฯ ส่วนมากจะมีศูนย์บริการครับ โดยของไอโมบายนั้น ถือว่ามีมากที่สุดเเล้ว จึงวางใจได้ว่า พังมาเเล้วไม่ลอยเเพเเน่นอน
ส่วนคุณภาพสินค้าที่เป็นข้อกังขาว่า มันจะดีเหรอ ? ขอบอกว่า ทนไม่ทน ขึ้นอยู่กับผู้ใช้ครับ เเละส่วนนึงก็เกิดจากการผลิตด้วย (ถึงมีการเปลี่ยนเครื่องได้ใน 7-10 วันไงล่ะ) ดังนั้น มือถือเฮ้าส์เเบรนด์ในปัจจุบัน ถือว่าน่าเล่นครับ สําหรับผู้ที่ชื่นชอบฟังก์ชั่นครบๆ เเต่ไม่อยากจ่ายเงินก้อนโต
ค่านิยมยุค 2009
สมัยก่อน ... ถ้าอยากจะติดต่อทางบ้าน วิธีการที่ดีที่สุดก็คือ "โทรศัพท์สาธารณะ" เเต่ปี 2552 นี้ ตู้โทรศัพท์ที่เห็นตามโรงเรียนดูเงียบเหงาโดยสิ้นเชิง เหตุก็เพราะพ่อเเม่เด็กยุคนี้มักจะให้ใช้โทรศัพท์มือถือกันเเล้ว เนื่องจากสะดวกต่อการติดต่อมากกว่ามาหยอดเหรียญ ดูๆ เเล้วก็น่าจะเป็นเรื่องปกตินะครับ
เเต่ค่านิยมผิดๆ ที่บางครอบครัวมักป้อนให้เด็กโดยไม่รู้ตัวเลย ก็คือ การซื้อโทรศัพท์เเพงๆ ให้ใช้โดยไม่นึกว่า เด็กจะเอาไปใช้ทําอะไรบ้าง ? ถ้าอายุประมาณ 15-18 ปีเเล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เเต่ตาม ร.ร.ประถมหลายเเห่ง พบว่า เด็กบางคนถือมือถือราคาเเพง อย่าง iPhone, Nokia N95 8GB, ... ฯลฯ ตัวเด็กคงไม่ทราบหรอก ว่ามันดีไม่ดีอย่างไร เเต่คนที่ซื้อให้ (พ่อเเม่นั่นเเหละ) เห็นว่าเด็กใช้ของหรูๆ เเพงๆ เเล้วจะมีคนนับหน้าถืออย่างดี เเต่จริงๆ เเล้วไม่ใช่ครับ การที่ป้อนค่านิยมใช้ของเเพงๆ ให้เด็กตั้งเเต่เล็กๆ เเล้วอนาคตล่ะ ? เค้าจะกลับมาใช้ของระดับตํ่าลงมาไม่ได้ (กลายเป็นโรคติดของเเพงไปเเล้ว) เป็นผลเสียระยะยาว เเก้ไขยากด้วยนะครับ
ส่วนตัวคิดว่า ถ้าไม่เกิน ม.3 ใช้มือถือราคาราวๆ 4-5 พันบาทก็เหลือเฟือเเล้ว หากต้องการจะให้เค้าใช้ของดีๆ ราคาเเพง รอให้เค้าคิดอ่านเป็นก่อน (ราวๆ ม.4-6) จะทําให้เด็กไม่หลงตามเทคโนโลยีมากเกินไป
จริงๆ เเล้วพวกความเชื่อ หรือค่านิยมผิดๆ ในการใช้มือถือยังมีอีกพอสมควรเลยครับ หัวใจหลักของมือถือจริงๆ เเล้วก็คือ โทรออก-รับสาย-รับส่งข้อความเท่านั้น ส่วนลูกเล่นอื่นๆ ก็มีเข้ามาเพื่อทําให้ผู้ใช้สะดวกสบายต่อการใช้งานในชีวิตประจําวันยิ่งขึ้น ดังนั้น ลองคิดก่อนที่จะเสียเงินสักนิดว่า "คุณจะใช้งานอะไรจากมือถือบ้าง ?"
บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ หากมีเนื้อหาไปกระทบกระทั่งใครก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย ... สวัสดี *~
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น