วันอาทิตย์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2554

ครีมบำรุงมีมากมาย แตกต่างกันอย่างไรนะ

ครีมบำรุงมีมากมาย แตกต่างกันอย่างไรนะ


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

เดี๋ยวนี้มีครีมบำรุงต่าง ๆ ให้เราเลือกใช้ได้มากมาย อ้างคุณสมบัติต่าง ๆ อย่างชะลอริ้วรอย ลบเลือนจุดด่างดำ ทำให้ผิวขาวขึ้น ฯลฯ แต่ในบรรดาครีมต่าง ๆ มากมายหลายยี่ห้อนี้เราจะดูอย่างไรว่าแบบไหนที่มีคุณ ภาพ และมีสารประกอบที่เป็นประโยชน์ต่อผิวเราจริง ๆ มาดูคุณสมบัติต่าง ๆ เหล่านี้ดูดีกว่าค่ะ อย่างน้อยน่าจะช่วยให้คุณสาว ๆ เลือกใช้ครีมได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

คุณสมบัติ เริ่มแรกที่ทำให้คุณถูกตาต้องใจครีมสักกระปุกหนึ่ง คงเป็นคุณสมบัติที่สังเกตได้ง่าย ๆ อย่าง กลิ่น ความเข้มข้นของเนื้อครีม ความเร็วในการซึมซาบเข้าสู่ผิว และสิ่งต่อมาที่คุณต้องเอาใจใส่อย่างยิ่งยวด ก็คือส่วนประกอบของครีมนั้น ว่ามีสารที่ทำให้คุณเกิดอาการระคายเคืองหรือไม่ หมดอายุเมื่อไหร่ และที่สำคัญต้องดูสารประกอบต่าง ๆ ในครีมด้วย เช่น ครีมที่มีสารประกอบที่สกัดจากพืช, คอลลาเจน, อีลาสติน, สารที่ช่วยเรื่องการผลัดเซลล์ผิว และสารที่ช่วยในการต่อต้านการเกิดริ้วรอย ซึ่งช่วยในการปรนนิบัติผิว ให้ผิวคุณมีความยืดหยุ่น ช่วยลบเลือนรอยเ่ยวย่น และบำรุงจากอาการไหม้เพราะแสงแดด นอกจากนี้ยังมีสารประกอบในครีมอีกมากมาย ที่มีผลทำให้ครีมนั้นมีคุณสมบัติต่าง ๆ กันไป อย่าลืมสำรวจดูสภาพผิวของตนเอง และทำการศึกษาเรื่องสารประกอบแต่ละชนิดในครีมบำรุงด้ วยนะคะ

ผู้หญิง กับความสวยงามนั้นเป็นของคู่กันมาแต่ไหนแต่ไร แม้ในสมัยโบราณ ก็มีการคิดค้นครีมบำรุงขึ้นใช้เพื่อคุณสมบัติด้านควา มงามกันแล้วค่ะ

ประวัติความเป็นมาของครีมบำรุง

ส่วน ประกอบสำคัญในการทำครีมบำรุงผิวในสมัยโบราณนั้น ประกอบด้วยส่วนประกอบหลัก ๆ 2 อย่าง คือน้ำมันหอม และไขที่สกัดมาจากพืช หรือไขมันสัตว์ อีกทั้งยังมีการผสมสารที่เชื่อว่า มีคุณสมบัติในการบำรุงรักษาอีกด้วย

ผู้ คนที่อาศัยอยู่แถบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มักใช้น้ำมันมะกอกเป็นส่วนประกอบหลักในการทำครีมบำรุ ง ส่วนชนเผ่าทางอัฟฟริกามักใช้น้ำมันที่สกัดมาจากปาล์ม แรฟเฟีย เป็นส่วนประกอบสำคัญเพื่อครีมสำหรับความงาม ส่วนชาวโอเชียเนียผลิตครีมที่สกัดจากน้ำมันมะพร้าว และยังผสมน้ำมันสกัดจากเมล็ดละหุ่งและไขมันจากสัตว์ รวมถึงบางครั้งยังมีการใส่เนยที่มีส่วนผสมของ ขิง รากไม้และสมุนไพรต่าง ๆ แม้แต่ผงเหล็กลงไปด้วย

กระทั่ง ในสมัยปัจจุบัน ครีมหรือสกินแคร์ต่าง ๆ ก็ยังคงส่วนประกอบหลักเช่นเดียวกับเมื่อสมัยก่อนอย่า งพวกน้ำมันสกัด มีการเติมน้ำ และตัวทำละลายเพื่อให้น้ำมันและน้ำเข้าผสมเป็นเนื้อเ ดียวกัน รวมถึงเติมสารต่าง ๆ ที่เป็นอาหารบำรุงผิว หรือมีคุณสมบัติปกป้องผิวลงไปด้วย ซึ่งทำให้ครีมในปัจจุบันแบ่งออกเป็นอีกหลายประเภท ตามคุณสมบัติของมัน

ครีมประเภทต่าง ๆ

1. ครีมที่ให้ความชุ่มชื้น หรือมอยซ์เจอร์ไรเซอร์

2. ครีมที่มีคุณสมบัติบำรุงผิว หรือนูริชชิ่ง

3. ครีมบำรุงล้ำลึก หรือทรีตเม้นต์ครีม มีความเข้มข้นมากกว่ามอยซ์เจอร์ไรเซอร์ และนูริชชิ่งครีม

4. ครีมประเภทลดริ้วรอย หรือรีจูเวเนตติ้งครีม

5. ครีมลดเซลลูไลท์ แม้ไม่สามารถลดเซลลูไลท์ หรือไขมันใต้ผิวหนังได้โดยตรง แต่จะให้ผลควบคู่กับการออกกำลังกายและควบคุมอาหาร

6. ครีมประเภทสครับ เป็นครีมที่ผสมเม็ดบีดส์เล็ก ๆ สำหรับใช้นวดขัดผิวหน้าเพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่าออก

7. ครีมกันแดด ซึ่งมักมีส่วนประกอบของอโลเวร่า กรด p-amino-benzoicม, สารไฮโดรควินอน, สารประกอบซิงค์ และไทเทเนียม ซึ่งช่วยเรื่องการปกป้องผิวจากแสงแดด

8. ครีมที่ใช้เฉพาะฤดู เช่น ครีมสำหรับฤดูหนาว ซึ่งจะมีส่วนประกอบที่เป็นไขมากกว่าครีมทั่วไป รวมถึงสารประกอบที่เคลือบบาง ๆ บนผิวหนัง เพื่อปกป้องผิวจากสภาพอากาศหนาวเย็น คาวมชื้นต่ำ รวมถึงปัจจัยอื่น ๆ จากอากาศที่จะมีผลกระทบต่อผิวของเราด้วย

9. ครีมสร้างผิวสีแทน สำหรับสาวที่อยากมีผิวสีแทนดูสุขภาพดี ในเนื้อครีมชนิดนี้ประกอบด้วยสารที่เร่งการทำงานของเ ม็ดสี หรือเมลานินในผิวหนัง ซึ่งจะให้ผลที่ระยะเวลาราว 3-7 วัน อย่างไรก็ตามควรใช้อย่างระมัดระวัง และอ่านวิธีการใช้อย่างละเอียดทุกครั้ง

10. ครีมรองพื้นต่าง ๆ

11. ครีมสำหรับป้องกันความอับชื้น มักใช้ในเด็กทารกเพื่อป้องกันการเกิดผื่นผ้าอ้อม ซึ่งเกิดจากความอับชื้น และกรดยูริค

12. ครีมชนิดพิเศษ ครีมที่อยู่ในพวกครีมพิเศษเหล่านี้ ประกอบด้วยสารที่บำรุงเฉพาะส่วน เช่น ตา, มือ, เท้า หรือครีมโลชั่นสำหรับบำรุงผิวหลังการโกนหนวด ฯลฯ

ครีม หรือโลชั่นเพียงตัวเดียว อาจมีคุณสมบัติดังที่กล่าวมาหลายข้อผสมกัน หรือครีมโลชั่นบางอย่าง เช่นโลชั่นกันแดด หรือครีมทรีตเม้นต์ก็อาจมาในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่เนื้ อครีม เช่น สเปรย์ ก็เป็นได้ นอกจากนี้ยังมีนวัตกรรมสำหรับสาว ๆ ที่ต้องการบำรุงผิวอย่างเร่งด่น ซึ่งไม่อาจเห็นผลได้รวดเร็วทันใจหากใช้เพียงครีมหรือ โลชั่น จึงได้เกิดสิ่งที่เรียกว่า "มาส์ก" ขึ้นมา เพื่อการปรนนิบัติบำรุงผิวแบบเร่งด่วนสำหรับคนที่มีเ วลาน้อย คุณสมบัติระหว่างมาส์กกับครีมก็แตกต่างกันไป ลองดูข้อแตกต่างนี้แล้วเลือกแบบที่ใช่ในการดูแลผิวคุ ณดูค่ะ

ข้อแตกต่างระหว่าครีมกับมาส์ก

1. ความเข้มข้นของเนื้อครีม โดยทั่วไปในมาร์สหนึ่งแผ่น มักมีความเข้มข้นมากกว่าปริมาณครีมที่เราใช้ในหนึ่งค รั้ง

2. ด้านประสิทธิภาพ ครีมมักเป็นผลหลังการใช้ราวหนึ่งเดือน แต่มาส์กเห็นผลทันทีหลังการใช้ อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพจากมาส์กมีอายุสั้นกว่าครีม คืออยู่ได้ราว 1-2 วันเท่านั้น

3. ความถี่ในการใช้ การใช้ครีมให้เห็นผลดีควรใช้อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง ส่วนมาส์กอยู่ที่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง

4. ความเร็วในการซึมซาบลงสู่ผิว มาส์กใช้เวลาราว 15-20 นาทีในการซึมซาบเข้าสู่ผิวหนัง ส่วนครีมนั้นขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของเนื้อครีม

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น