สมดุลของน้ำเกิดขึ้นได้อย่างไรอย่างที่พอรู้กันมาบ้างแล้วว่าร่างกายของเรามีน้ำเป็ นส่วนประกอบถึงเกือบ 70 เปอร์เซ็นต์ แต่รู้หรือเปล่าคะว่าน้ำเหล่านี้ นั้นแทรกซึมอยู่ทุกส่วนของร่างกายทั้งภายในและภายนอก เซลล์ ทั้ง เลือด น้ำเหลือง น้ำย่อย ฯลฯ โดยมี “อิเล็กโทรไลต์” หรือเรียกง่ายๆ ว่า “เกลือแร่” เช่น โซเดียม โพแทสเซียม แคลเซียม แมกนีเซียม คลอไรด์ ฟอสเฟต และไบคาร์บอเนต ละลายปนอยู่ ทำให้น้ำมีความเข้มข้นและนำพาอาหารไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกาย
และแม้อิเล็กโทรไลต์ทุกตัวจะมีความสำคัญ แต่ปริมาณความเข้มข้นของโซเดียมและโพแทสเซียมจะมีอิท ธิพลต่อการรักษาสมดุล และถ่ายเทของน้ำในเซลล์และภายนอกเซลล์มากสุด โดยกลไกการเคลื่อนที่ของน้ำในร่างกายจะไหลจากด้านที่ มีความเข้มข้นน้อยกว่า ผ่านเยื่อกั้นผนังเซลล์ไปยังด้านที่มีความเข้มข้นสูง กว่า ยกตัวอย่างเช่น เวลาทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรง หรือออกกำลังกาย น้ำภายนอกเซลล์จะกลายเป็นเหงื่อไหลออกนอกผิวหนัง ทำให้ของเหลวนอกเซลล์เข้มข้นขึ้นเพราะน้ำหายไป (แต่ปริมาณโซเดียมยังตกค้างอยู่มาก) สมองส่วนไฮโปทาลามัสจะสั่งให้น้ำในเซลล์ถ่ายเทอออกมา เพื่อปรับสมดุลไม่ให้ น้ำนอกเซลล์เข้มข้นมากเกินไป ในทางตรงกันข้าม หากเราดื่มน้ำมากเกินไป ความเข้มข้นของเหลวภายนอกเซลล์ก็จะลดลง ดังนั้นน้ำจึงไหลกลับเข้าไปในเซลล์ซึ่งมีความเข้นข้น สูงกว่า เป็นต้น
ซึ่งระหว่างที่น้ำทั้งสองส่วนถ่ายเทกันอยู่นี้ สมองจะส่งสัญญาณไปบอกไตให้เลือกเก็บกักน้ำหรือกำจัดอ อกไป เช่น เมื่อร่างกายขาดน้ำ เลือดจะเข้มข้มขึ้น สมองจะเตือนไตให้รีบดึงน้ำกลับเข้าสู่กระแสเลือดเพื่ อไหลเวียนไปเลี้ยง อวัยวะทุกส่วนตามปกติ เราจึงไม่ค่อยปวดปัสสาวะ หรือปัสสาวะน้อยลงและมีสีเหลืองเข้ม แต่ถ้าหากเราได้รับน้ำเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป สมองจะสั่งให้ไตรีบกำจัดน้ำส่วนเกินทิ้งไป ปริมาณปัสสาวะจึงมากขึ้นและมีสีจางลง
รู้ได้อย่างไรเมื่อน้ำในร่างกายไม่สมดุลร่างกายจะแสดงอาการว่าน้ำไม่สมดุลจาก ภาวะขาดน้ำ เกิดจากการที่เราดื่มน้ำน้อยเกินไป แม้ไตจะพยายามเก็บรักษาน้ำในร่างกายให้นานที่สุด เพื่อช่วยให้ระบบการทำงานของร่างกายเป็นไปอย่างปกติแ ล้วก็ตาม แต่เมื่อไตเริ่มรับมือไม่ไหวก็จะส่งสัญญาณแสดงอาการไ ม่สบายต่างๆ เช่น
อย่างไรก็ตามภาวะขาดน้ำ อย่างเดียวนั้นไม่อันตรายถึงชีวิต เพราะร่างกายจะเตือนให้เรากระหายน้ำ หรือเริ่มกระบวนการกักเก็บน้ำโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น